พี&จีชี้ตลาดคอนซูเมอร์ปี'44 แข่งดุ ทุ่ม 6 พันล.ผุดรง.แพมเพิร์ส-วิสเปอร์

ข่าวทั่วไป Wednesday December 27, 2000 14:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--ทูเดย์อินไทยแลนด์
นายเจฟฟรี่ย์ เจ.ฮันส์เบอร์รี่ กรรมการผู้จัด การ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์แกมเบิล แมนูแฟค เจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าสถาน การณ์สำหรับสินค้าใน 12 แคทิกอรี่ มูลค่าตลาดรวมกว่า 50,000 ล้านบาท ที่พีแอนด์จีมีสินค้าวางจำหน่ายนั้น ในปี 2544 คาดว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงในทุกแคทิกอรี่ โดยระดับความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มของการเติบโตในแต่ละแคทิกอรี่
กล่าวคือ ในแคทิกอรี่ครีมบำรุงผิว ประเภทผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว และผลิตภัณฑ์ลบริ้วรอย และตลาดครีมนวดผม มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างน้อย 10% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 2,400 และ 1,900 ล้านบาทตามลำดับ เนื่องจากผู้บริโภคยังให้ความสนใจและอัตราการบริโภคต่อคนต่อปียังต่ำ จึงเป็นที่แน่นอนตลาดลักษณะนี้จะอยู่ในความสนใจของผู้ประกอบการในการที่จะส่งสินค้าใหม่เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้น
ขณะที่สบู่ก้อน ตลาดมีแนวโน้มหดตัวลงประมาณ 3-4% โดยมูลค่าคาดว่าจะเหลือประมาณ 3,300 จาก 3,500 ล้านบาทในปี 2543 แต่จะไปขยายตัวในตลาดสบู่เหลวที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากปีนี้มีการเติบโตสูงถึง 20% จากตลาดรวมที่มีมูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท เช่นเดียวกับตลาดผ้าอนามัย และผ้าอ้อมสำเร็จรูป ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และน่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เหตุจากการแข่งขันในส่วนผู้ประกอบการที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น และกำลังซื้อและความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาบริโภคเพิ่มขึ้น
ดังนั้นสำหรับทิศทางของพีแอนด์จี จึงยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในแคทิกอรี่ที่ทำอยู่อย่างต่อเนื่องตามโอกาสและจังหวะที่ดี ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ การออกสินค้าใหม่อย่างน้อย 30 รายการ และการเพิ่มยอดขายให้ถึง 11,000 ล้านบาท ณ สิ้นปีบัญชี 30 มิถุนายน 2544 จากปัจจุบันที่ผ่านมาประมาณ 5-6 เดือนที่สามารถบรรลุยอดขายได้เกือบครึ่งทางแล้ว
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในส่วนของโรงงานผลิตผ้าอนามัยและผ้าอ้อมสำเร็จรูป โดยใช้เงินลงทุนสูงถึง 5,900 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ เพื่อใช้เป็นฐานการส่งออกในภูมิภาคนี้ โดยเฟสแรกจะเดินเครื่องผลิตได้ประมาณเดือนกันยายนปี 2544
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดโลก ส่งผลให้เราต้องหาแนวทางใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการรวมการผลิตไว้ในประเทศก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่หวังว่าจะช่วยให้สามารถนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สู่ตลาดได้เร็วขึ้น ในระดับราคาที่คุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม
ขณะนี้สินค้าที่พีแอนด์จีทำตลาดโดยรวมประมาณ 12 แบรนด์ ส่วนใหญ่มีการเติบโตที่ดีในในระดับที่น่าพอใจ อาทิ พริงเกิลส์ มีการเติบโตสูงถึง 40% แพมเพิรส์ 12% ฯลฯ มีแต่สบู่เซฟการ์ดเท่านั้นที่พีแอนด์จีเสียสูญยอดขายตกถึง 15% ซึ่งในส่วนนี้เรานี้พยายามแก้ไขโดยดูแนวโน้มการเติบโตของเซ็กเมนต์ที่ไปโตที่สบู่เหลวมากกว่าสบู่ก้อน จึงได้แก้ทางโดยการลอนช์สบู่เหลวเซฟการ์ดออกมา ซึ่งคาดว่าน่าสร้างการเติบโตได้ดีในระดับหนึ่ง นายเจฟกล่าวว่า คีย์ซัคเซส ที่ทำให้พีแอนด์จีประสบความสำเร็จในการทำตลาดอยู่ที่ การมีสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ มีคุณภาพคุ้มค่าและคุ้มราคา รวมถึงมีนวัตกรรมทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง และพีแอนด์จีคงจะยึดแนวทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดูแลลูกค้าให้มีความเท่าเทียมกันอย่างต่อเนื่องด้วย
ก่อนหน้านี้ ทางพีแอนด์จีได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท ในการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปรุงแต่งประทินโฉม อาทิ แชมพู ครีมนวดผม ครีมและโลชั่นถนอมผิว ฯลฯ เพื่อการส่งออกและขายในประเทศ โดยเฟสแรกได้เดินเครื่องผลิตแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2543 ที่ผ่านมา--จบ--
-สส-

แท็ก สเปอร์   ขันที  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ