กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ จัดโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ชู กิจกรรมสนองแนวพระราชดำริของทั้งสองพระองค์
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติทั้ง 2 โอกาสมหามงคล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้กำหนดจัด "โครงการและกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559" ในช่วงระหว่างวันที่ 9 มิ.ย.59 – 9 มิ.ย.60 ภายใต้กรอบแนวคิดที่เน้นและให้ความสำคัญกับการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำรงชีวิตของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่งเสริมให้เกษตรกรนำเกษตรทฤษฏีใหม่มาปรับใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเองเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่ดินและน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้เกิดการลดรายจ่าย มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ พร้อมทั้งสนองแนวพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยการโปรยเมล็ดพันธุ์พืช เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และการปลูกต้นไม้เพิ่มเติม และแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานไว้เกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพ พืช สัตว์ ประมง การแปรรูป งานศิลปาชีพ ซึ่งได้บูรณาการการทำงานทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ โดยใช้งบปกติปี 59 – 60 ของหน่วยงานดำเนินการใน 3 โครงการหลัก 7 กิจกรรมย่อย ประกอบด้วย
1.โครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 จำนวน 3 กิจกรรม ได้แก่ 1.) โครงการส่งเสริมปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฏีใหม่ ทั้งในระดับองค์กร และระดับบุคลากร อาทิ รณรงค์เสริมสร้างความรู้ผ่านWebsite ของ กษ. จัดทำ Smart Office ด้านเศรษฐกิจพอเพียง จัดทำกิจกรรมด้านการเกษตรผสมผสาน รณรงค์ทำบัญชีรับจ่ายส่วนบุคคล และส่งเสริมการออม รวมถึงรณรงค์ไปยังกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ประมาณ 89,416 แห่ง และ กิจกรรมส่งเสริมเกษตรทฤษฏีใหม่ ดำเนินการผ่านศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) 882 ศูนย์ จำนวน70,000 ครัวเรือน 2.) โครงการเกษตรไทยก้าวไกล ด้วยพระบารมี โดยดำเนินการขุดลอกคูคลอง 76 จังหวัด กรมชลประทานร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ 15,200 รายทำความสะอาดคูคลอง ปลูกหญ้าแฝก70 ล้านกล้า ในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศโดยกรมพัฒนาที่ดิน ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ให้แก่เกษตรกรในโครงการพระราชดำริ จำนวน17,000 ตัว ในพื้นที่ 77 จังหวัด โดยการฝึกอบรมและมอบปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 3.นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเพื่อเผยแพร่พระราชประวัติ และพระราชกรณีกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องน้ำ ที่ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับพสกนิกรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 9-30 มิถุนายน 2559 ณ บริเวณตึกศูนย์วิศวกรรมชลประทาน กรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพฯ ภายในงานประกอบไปด้วย การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ โซนร้อยเรียงพระราชประวัติ ความสนพระราชหฤทัยในงานชลประทานตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โซน 9 ทศวรรษ แห่งความทรงจำของปวงชนชาวไทย ในหลวง...นายช่างใหญ่กับงานชลประทาน นำเสนอผลงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนการน้อมนำแนวพระราชดำริมาพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ อย่างเหมาะสม เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำ การบริหารจัดการน้ำด้วยระบบ อ่างพวง เป็นต้น อีกทั้งยังมีโซนแสดง " 70 ภาพ ประทับใน ดวงใจราษฎร์" ให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมชื่นชมพระบารมีของพระองค์ด้วย
2. โครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 จำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1) โครงการ "ไหมไทย สายใยของแผ่นดิน" โดยสนับสนุน/ปรับปรุงโรงเลี้ยงไหมโรงฟอกย้อม ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบน้ำในแปลง โรงทอผ้า ศูนย์เรียนรู้ และสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ให้แก่ศูนย์ศิลปาชีพ และโครงการพระราชดำริ จำนวน 53 แห่งทั่วประเทศตามแผนความต้องการ โดยมีการวิเคราะห์ศักยภาพ ประชาพิจารณ์ และจัดทำแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งหมู่บ้านอนุรักษ์ไหมไทยพื้นบ้าน 84 หมู่บ้าน 84 รายในพื้นที่ 24 จังหวัด เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาการเลี้ยงไหมพันธุ์พื้นบ้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นแหล่งผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับการผลิตผ้าไหมไทยภายใต้เครื่องหมายรับรองตรานกยูงพระราชทานสีทอง จัดงาน "ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย" ระหว่างวันที่ 10 – 14 สิงหาคม 2559 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ การทอผ้าไหม 84 ลาย ๆ ละ 4 เมตร และจัดพิมพ์หนังสือลวดลายผ้าไหมไทย จำนวน 3,000 เล่ม 2) โครงการ "84 พรรษา ประชาสุขใจ ถวายความดีแด่มหาราชินี" การจัดทำหนังสือ "84 พรรษา มหาราชินีคู่พระบารมีจักรีนฤบดินทร์" จำนวน 2,000 เล่ม แจกจ่ายให้แก่ส่วนราชการ มหาวิทยาลัย สถานศึกษา ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 84 ล้านตัวในพื้นที่ 77 จังหวัด ในห้วงวันจัดงานประมงน้อมเกล้าประจำปี 2559 ระหว่างวันที่ 1 – 10 กรกฎาคม 2559
3. โครงการ/กิจกรรม เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 2 โอกาสมหามงคล จำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1.)โครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชสร้างความชุ่มชื้นเพิ่มผืนป่า โดยโปรยเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อสร้างความชุ่มชื้นและเพิ่มผืนป่าทั่วประเทศ จำนวน 11 พันธุ์ ประมาณ 1,714,800 เมล็ด และการปลูกพันธุ์ไม้หายาก ในพื้นที่ 76จังหวัด จำนวน 1,026,484 ต้น ประกอบด้วย ต้นนางพญาเสือโคร่ง ปล่อยรองเท้านารีเหลือง กล้วยไม้ป่า ไม้ยืนต้น ไม้ผล ต้นพยุง ต้นโมกหลวง และ 2.)โครงการ "ข้าวไทยใต้คู่พระบารมี ปวงชนคนข้าวขอสดุดีทั่วหล้า ปีมหามงคล จัดกิจกรรมรณรงค์การปลูกข้าว "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" จำนวน 350 ราย เปลี่ยนพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี จำนวน 64,000 ครัวเรือน โครงการศูนย์เรียนรู้โครงการหลวง จำนวน 300 ราย
"โครงการและกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น กระทรวงเกษตรฯ กำหนดขึ้นเพื่อสนองพระราชดำริของทั้งสองพระองค์ ซึ่งตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติได้พระราชทานโครงการพระราชดำริกว่า4,447 โครงการทั่วประเทศ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรชาวไทยและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้พออยู่ พอกิน ขณะที่โครงการพระราชดำริส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านการเกษตร เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ ทั้งด้านการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาคุณภาพดิน การพัฒนาอาชีพต่าง ๆ โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรมีภูมิคุ้มกันในการประกอบอาชีพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของตนเอง และภายในชุมชน โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถจะทรงเสด็จเคียงข้างพระวรกายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับสนองพระบรมราชดำริ และทรงสนับสนุนงานด้านอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว