กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 13 มิถุนายน 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,273.23.-1,284.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,350 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,150 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM16 อยู่ที่ 21,500 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 250 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,250 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.29 น.ของวันที่ 13/06/16)
แนวโน้มวันที่ 14 มิถุนายน 2559
สินทรัพย์เสี่ยงถูกเทขายหลังจากบรรยากาศซื้อขายในตลาดหุ้นในหลายประเทศถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีน โดยการขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ชะลอตัวลงกว่าที่คาดไว้ ภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกตัวเลขก็ออกมาน่าผิดหวังเช่นกัน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนปิดดิ่งลงในวันจันทร์นี้ โดยดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดตลาดดิ่งลง 3.23% ส่วนดัชนี CSI300 ของหุ้น A-share ในตลาดเซี่ยงไฮ้ และเสิ่นเจิ้น ปิดดิ่งลง 3.09% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับสภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและสร้างแรงกดตลาดหุ้นทั่วโลกให้ร่วงลงจนสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงได้รับแรงกดดันเพิ่มสูงขึ้น จากรายงานเมื่อวันศุกร์ของคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) บ่งชี้ว่า กองทุนเฮดจ์และนักเก็งกำไรรายใหญ่อื่นๆได้ลดสถานะซื้อสุทธิน้ำมันดิบสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน ทั้งนี้ สถานะซื้อสุทธิสัญญาและออปชั่นน้ำมันดิบทั้งในตลาดนิวยอร์คและตลาดลอนดอนของกองทุนลดลง 11,478 สัญญา สู่ระดับ 244,055 สัญญาในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด วันที่ 7 มิถุนายน ซึ่งบ่งชี้ถึงความวิตกที่ว่าตลาดน้ำมันอาจจะ ไม่สามารถทรงตัวเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอย่างยั่งยืนจะมีผลกระทบเชิงลบต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจนส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวหนุนราคาทองคำทะยานขึ้นสร้างระดับสูงสุดครั้งใหม่เหนือสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนักลงทุนในตลาดทองคำยังคงมีท่าทีระมัดระวังก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางอังกฤษ, และธนาคารกลางญี่ปุ่นจะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ แม้ว่าจะมีคาดว่าธนาคารกลางทุกแห่งจะคงนโยบายการเงินก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่าในระยะสั้นหากราคาไม่สามารถ break out แนวต้าน 1,290-1,303 ได้ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้ราคากลับลงมาตั้งฐานบริเวณ 1,273-1,264 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีก แนะนำหากรับความเสี่ยงได้สูงรอเปิดสถานะขายเมื่อราคาดีดขึ้นมาใกล้ 1,290-1,303 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจเสี่ยงเปิดสถานะซื้อเพื่อเก็งกำไรจังหวะดีดตัวหากราคายืนเหนือ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ตัดขาดทุนหากหลุด 1,264 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามวายแอลจีเน้นย้ำว่านักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,273 (21,200บาท) 1,264 (21,050บาท) 1,255 (20,900บาท)
แนวต้าน 1,290 (21,480บาท) 1,303 (21,700บาท) 1,310 (21,820บาท)
GOLD FUTURES (GFM16)
แนวรับ 1,273 (21,320บาท) 1,264 (21,170บาท) 1,255 (21,020บาท)
แนวต้าน 1,290 (21,600บาท) 1,303 (21,820บาท) 1,310 (21,940บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999