กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
เรซูเม่ (Resume) หรือจดหมายแนะนำตัวในการสมัครงาน เป็นการเขียนประวัติส่วนตัวโดยย่อ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน รวมทั้งความถนัด ความสามารถพิเศษ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัคร ซึ่งการเขียนเรซูเม่ที่ดี และสามารถดึงดูดความสนใจของฝ่ายบุคคลได้นั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์หรือได้งานมากขึ้น จ๊อบไทยดอทคอม(JobThai.com) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์หางานสมัครงานอันดับหนึ่งของไทยที่มีงานรองรับผู้สมัครกว่า 80,000 อัตรา และมีสถิติผู้สมัครงานเข้ามาฝากเรซูเม่เพื่อสมัครงานในองค์กรต่าง ๆ กว่า 1,100,000 คน ได้แนะนำเทคนิคการเขียนเรซูเม่ที่ดีเพื่อให้ HRสนใจและมีโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์ ดังนี้
1. ข้อมูลส่วนตัว: ถือเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งในเรซูเม่ ประกอบไปด้วยรูปภาพ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ประวัติการศึกษาสำหรับรูปถ่ายควรเป็นรูปที่เห็นใบหน้าตรงชัดเจน และแต่งกายสุภาพเรียบร้อย เนื่องจากรูปถ่ายจะเป็นสิ่งแรกที่ HR เห็นจากเรซูเม่ของผู้สมัคร นอกจากนี้ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลติดต่อกลับทั้งเบอร์โทรศัพท์ และอีเมลที่ต้องดูเป็นทางการ เช่น ชื่อ.นามสกุล@xxx.com
2. ประสบการณ์การทำงานและประสบการณ์พิเศษ: โดยเรียบเรียงข้อมูลจากปัจจุบันไปหาอดีตเสมอสำหรับคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้วสามารถระบุได้ว่าเคยทำงานที่ไหนมาบ้าง รวมถึงขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบ และการอบรมที่เคยเข้าร่วม ส่วนนิสิต นักศึกษาจบใหม่ การระบุประสบการณ์พิเศษเป็นการช่วยให้เรซูเม่ดูน่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร การออกค่าย การฝึกงาน ตลอดจนการทำงานล่วงเวลา (Part-Time) ทั้งนี้ประสบการณ์พิเศษจะเป็นปัจจัยสนับสนุนว่าผู้สมัครเป็นบุคคลที่มีความสามารถรอบด้าน และมีความรับผิดชอบ
3. ทักษะและความสามารถ: ทักษะและความสามารถที่หลากหลายจะช่วยให้เรซูเม่ของผู้สมัครดูน่าสนใจและได้เปรียบคู่แข่งฉะนั้นผู้สมัครจำเป็นต้องค้นหาและดึงทักษะความสามารถที่เป็นจุดเด่นออกมาให้มากที่สุด โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นในตำแหน่งงานที่สมัครจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้น อาทิ ทักษะด้านภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส ฯลฯ รวมไปถึงทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จำเป็นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้
นอกจากนี้ จ๊อบไทยดอทคอมยังมี Tips เล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งจะทำให้เรซูเม่ของคุณเป็นที่น่าประทับใจและดูเป็นมืออาชีพ มากขึ้น ดังนี้
· ควรระบุจุดมุ่งหมายในอาชีพที่ชัดเจน: การระบุจุดมุ่งหมายในการทำงานที่ชัดเจน และสอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น ตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จได้อย่างไร หรือการตั้งเป้าหมายระยะยาวในช่วงเวลา 3-5 ปีข้างหน้าในเส้นทางอาชีพว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เป็นต้น ซึ่งการตั้งเป้าหมายในสายอาชีพให้ชัดเจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และสร้างแรงจูงใจที่สำคัญแก่องค์กรในการเลือกรับผู้สมัครคนดังกล่าวเข้าทำงานเพื่อสร้างผลงานและขับเคลื่อนองค์กรได้ต่อไป
· เขียนข้อมูลให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย: เรซูเม่ที่ดีควรมีความกระชับ ทั้งในแง่ของการใช้ภาษาและการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนตามหัวข้อที่กำหนด ทั้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน เป็นต้น โดยความยาวที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 2 หน้ากระดาษเอสี่ (A4) ฉะนั้น ผู้สมัครจึงต้องคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นกับตำแหน่งงานที่สมัคร เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาของเรซูเม่ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ผู้สมัครต้องตรวจทานเรซูเม่ก่อนส่งสมัครงานทั้งการสะกดคำผิด การใช้ภาษาการจัดเรียงลำดับข้อมูลจากปัจจุบันไปหาอดีต
· การตั้งชื่อและการสร้างไฟล์:เป็นสิ่งที่ผู้สมัครงานมักจะมองข้าม การตั้งชื่อไฟล์เรซูเม่อย่างมืออาชีพควรใช้ชื่อ-นามสกุลจริงของผู้สมัคร และควรระบุด้วยว่าเป็น Resume ยกตัวอย่างเช่น Resume_Name เพื่อให้ HR ทราบว่าไฟล์ที่ส่งมานั้นคือไฟล์อะไร เนื่องจากการสมัครงานแต่ละครั้งต้องมีการแนบไฟล์อื่น ๆ ด้วย อาทิ ไฟล์รูป ทรานสคริปต์ ฯลฯ นอกจากนี้การเลือกสร้างไฟล์ไม่ว่าจะเป็น MS Word , PDF ควรดูรายละเอียดของประกาศงานว่า HR ต้องการไฟล์ประเภทไหน แต่หากไม่ได้ระบุไว้ การเลือกใช้ไฟล์ PDF จะเหมาะสมกว่า เพราะบางครั้งการใช้ MS Word มีโอกาสที่ HRเปิดดูไฟล์แนบแล้วเนื้อหาที่ถูกจัดวางมาเป็นอย่างดีอาจเคลื่อนได้
อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครต้องคำนึงอยู่เสมอว่าเมื่อองค์กรมีการเปิดรับสมัครงานในตำแหน่งต่าง ๆ จะมีผู้ให้ความสนใจส่งใบสมัครเช่นเดียวกันเป็นจำนวนมากในขณะที่ฝ่ายบุคคลมีเวลาอันจำกัดในการคัดเลือกและอ่านเรซูเม่แต่ละฉบับอย่างละเอียด ฉะนั้น การให้ความสำคัญและเรียบเรียงข้อมูลต่าง ๆ ในเรซูเม่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด จะช่วยให้เรซูเม่ของผู้สมัครมีความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ สำหรับนิสิต นักศึกษาที่จบใหม่ หรือผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปสร้างเรซูเม่อย่างถูกวิธีได้ที่ www.jobthai.com นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูล เทคนิค และเคล็ดลับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตการทำงานได้ที่ www.jobthai.com\reach หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com)โทรศัพท์ 02-353-6999