กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.สแกน อินเตอร์ หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร มองโอกาสการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันโลกกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง หนุนธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์และธุรกิจ iCNG เติบโตแรง หลังผู้ประกอบการภาคขนส่งโลจิสติกส์ตัดสินใจปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV จากจุดเด่นด้านส่วนต่างราคาที่ถูกกว่าน้ำมันดีเซลถึง 50% สบช่องเร่งปิดดีลซื้อปั๊ม NGVเพิ่ม 2 แห่งในกลางปีนี้ มั่นใจทั้งปีได้ 3 แห่งตามเป้า ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมองถึงการปรับเปลี่ยนหันใช้ iCNG เป็นเชื้อเพลิงในโรงงาน หวังคุมต้นทุนในระยะยาว
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กรรมการบริหาร ผู้อำนวยการสายงานบริหารและการตลาด บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ประเมินความต้องการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ NGV ในประเทศไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และภาคการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกผ่านจุดต่ำสุดแล้วและได้เข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่ โดยคาดว่าในปีนี้แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนด้านพลังงานของผู้ประกอบการที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนด้านพลังงานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิง
ด้วยภาวะราคาน้ำมันดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงในปัจจุบันได้รับประโยชน์จากต้นทุนด้านพลังงานที่ต่ำกว่าการใช้น้ำมัน โดยมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดีเซลจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ลิตรละ 29-30 บาทในเร็วๆ นี้ ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติ NGV จะอยู่ที่ 14-15 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น หรือถูกกว่าถึง 50% ส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สามารถตัดสินใจหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ทดแทนน้ำมันดีเซลได้ง่ายขึ้น
"เดิมภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ นิยมใช้น้ำมันดีเซลและก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงหลักในขนส่งสินค้าแต่เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV แทนน้ำมันดีเซลได้ง่ายขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่ามาก สะท้อนให้เห็นว่าก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงที่เหมาะกับภาคขนส่งโลจิสติกส์ของไทยมากที่สุด" ดร.ฤทธี กล่าว
กรรมการบริหาร ผู้อำนวยการสายงานบริหารและการตลาด SCN กล่าวว่า โอกาสดังกล่าวทำให้ SCN สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติจากกลุ่มธุรกิจให้บริการสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการจำหน่ายก๊าซมากขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนด้านจำนวนฐานผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGVเป็นเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแผนงานของ SCN ที่มีเป้าหมายขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 7 แห่ง โดยคาดว่าภายในกลางปีนี้บริษัทฯ จะสามารถขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV เพิ่มขึ้น 2 แห่งในโซนภาคตะวันออก ซึ่งหากสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนที่วางไว้ คาดว่าธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ จะมีปริมาณการขายก๊าซเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 450,000 กิโลกรัม หรือสร้างรายได้ปีละ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับอุตสาหกรรมหรือ iCNG ของSCN เนื่องจากกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันใช้น้ำมันเตาหรือก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิงในภาคการผลิต จะได้รับผลกระทบด้านต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จึงพิจารณาการปรับเปลี่ยนใช้ iCNG เป็นเชื้อเพลิงในภาคการผลิตเพื่อลดต้นทุนในระยะยาว ซึ่งเป็นโอกาสดีของ SCN รุกขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับอุตสาหกรรมไปยังกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมตามแนวนอกท่อก๊าซได้เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นโดยคาดว่าในปี 2559 จะมีปริมาณการขาย iCNG ได้ตามแผนอยู่ที่ 8,000 ล้านบีทียูต่อวันหรือเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา