กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง "ขุนพันธ์" จะหยิบเอาเรื่องราวและเกร็ดประวัติเละตัวตนของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" ตลอดจนภารกิจในการปราบโจรผู้ร้ายเสือดังๆที่เลื่องชื่อซึ่งถูกบันทึกว่ามีอยู่จริงในประวัติศาสตร์มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ แต่แนวทางของภาพยนตร์คือการนำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์แอคชั่นที่เน้นอรรถรสความบันเทิงในลักษณะเหนือจริงโดยสร้างอยู่บนความเคารพ และศรัทธาในตัวท่านขุนพันธ์ โดยหยิบเอาเรื่องราวและภารกิจที่มีสีสันของท่านขุนพันธ์ในการปราบโจรมาถ่ายทอดโดยเปรียบท่านขุนพันธ์เป็นดั่งตัวแทนของความดี
"มันเป็นโปรเจกต์ที่ใหญ่แล้วก็ตัวบุคคลที่เลือกทำเป็นบุคคลจริงมีตัวตนจริง มีประวัติศาสตร์รองรับมีหลักฐานยืนยันเราก็เลือกการถ่วงดุลระหว่างความจริงแค่ไหนกับความเป็นภาพยนตร์ แน่นอนว่าเราไม่ได้ทำสารคดี มันคงไม่ใช่เรื่องราวตรงไปซะ 100% ทั้งหมด แต่ว่าเรารักษาหัวใจของความเป็นขุนพันธ์ไว้ให้ได้เยอะที่สุด เรื่องแอคชั่นกับเมจิค การผสมกันแล้วมันมีดราม่าเข้าไปอยู่ในนี้ด้วย การรักษาสมดุลย์ของสิ่งเหล่านี้มันเป็นงานที่ท้าทายนะครับ มันต้องยกย้อนกลับไปที่ธีมของเรื่องเลยก็คือศรัทธา งานที่มันยากก็ต้องยิ่งอาศัยศรัทธาที่สูง คาแรคเตอร์หลักๆเรายังจับหัวใจความเป็นขุนพันธ์อยู่ในเรื่องนี้ เราเลือกนำเสนอในรูปแบบของความเป็นภาพยนตร์ที่เรียกว่าเมจิคอลเรียลลิสซึ่มหรือสัจนิยมมหัศจรรย์ โดยการขยายความหรือว่าเพิ่มบางอย่างที่เป็นเรื่องของภาพยนตร์ลงไป แต่ทั้งหมดในนั้นเราไม่ได้หักข้อมูลเก่าทิ้ง ไม่ได้โกหก ข้อมูลเรื่องคาแรคเตอร์หนวดเขี้ยว การไปปราบโจรที่โน่นที่นี่ หรือแม้กระทั่งเวิร์ดดิ้งประโยคประจำตัวที่ท่านขุนพันธ์พูดตอนไปจับโจร ซึ่งโจรจะพูดเหมือนกันหมดว่าก่อนท่านขุนพันธ์จะปราบจะพูดว่า เฮ้ย ถ้ามึงบวชแล้วเลิกเป็นโจรซะ กูจะจับเป็นมึง แต่ถ้ามึงไม่บวช ก็ยิงกัน เราก็จับหัวใจของสิ่งนี้ที่เป็นแบบนักเลง ก็ยังมียังอยู่ในเรื่องทั้งหมด นี่ไม่ใช่หนังอัตชีวประวัติ แต่เป็นหนังที่ถูกสร้างเพื่อความบันเทิง โดยได้ตัวละครขุนพันธ์เป็นต้นแบบ ให้เป็นไอคอน (สัญลักษณ์) เรื่องของฮีโร่คนหนึ่งที่ไปเจอกับผู้ร้ายคนหนึ่งซึ่งมีวิชาอาคมไม่แพ้กัน แล้วมันคือการที่คนที่ยิงไม่ตาย 2 คนเผชิญหน้ากัน คนหนังเหนียว 2 คนต่อสู้กัน มันเป็นเรื่องของการชิงไหวชิงพริบ หรือการที่ตัวละครตำรวจถูกท้าทายโดยโจรว่า มึงกับกูมันต่างกันแค่เสื้อผ้า หนังเรื่องนี้พยายามจะพูดในทัศนะเรื่องความดีความเลว หรือการเลือกศรัทธาด้านสว่างหรือด้านมืด เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าแรงบันดาลใจสำหรับเรื่องนี้ก็คือการสร้างไอคอนแห่งความดีที่จริงที่สุดโดยมีหัวใจของเรื่องมันก็คือการไล่ล่ากันของคน 2 ฝั่งที่เรียกว่าเจ็บไม่ได้ตายไม่เป็นกันทั้งคู่ครับ" ซึ่งเป็นธีมสำคัญของภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์ที่ผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ตั้งใจนำเสนอ
14 ก.ค. มาร่วมกันพิสูจน์ว่า แรงกระสุนหรือจะสู้แรงศรัทธาของขุนพันธ์ ทุกโรงภาพยนตร์