กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
"มันเป็นโปรเจกต์ที่เราภูมิใจนำเสนอ เราทำสิ่งที่ยากเกือบทุกสิ่งเลยสำหรับหนังไทยเรื่องหนึ่ง มันถึงกินเวลามาหลายปีมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฉาก เรื่องของเอฟเฟกต์ เรื่องของการดีไซน์คิวแอคชั่น เพราะฉากแอคชั่นหรือสิ่งที่เราคิดมันยากอยู่แล้ว แต่ต้องบอกว่าเราโชคดีมากๆที่เราได้ทีมนักแสดง ทีมงาน ที่ทุกคนต่างให้ใจ ทุ่มชีวิตฝ่าฟันกัน ผมว่าโปรเจกต์นี้มันเหมือนหน่วยทหารที่พอเสร็จแล้วก็คงรักกันไปอีกนาน เราผ่านการถ่ายทำฉากแอคชั่นกันแบบมาราธอนต่อเนื่อง 24-36 ชั่วโมงก็เคยมาแล้ว พี่น้อยกับอนันดานี่ต่อยกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าวันนี้จนไปถึง 6 โมงเช้าอีกวันหนึ่งจนถึงเกือบเที่ยง แอคชั่นทั้งวัน 2 คน ก็ลุยกันมาแล้ว นับถือสปิริตมาก เรามีดีไซน์ที่ฉูดฉาด เรามีประเด็นในสไตล์ของหนังแบบโขมที่รุนแรงพอที่จะกระทบความรู้สึกคนในทุกๆด้านนะครับ ผมว่ามันก็น่าจะเป็นเวอร์ชั่นเข้มข้น แล้วก็น่าจะเป็นหนังที่เราอาจจะเคยเจอกับความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่สมัย 2499 อันธพาลครองเมือง ซึ่งหนังเรื่องขุนพันธ์ก็ยังมีกลิ่นอายแบบนั้นอยู่ เราอยากให้ความรู้สึกของหนังไทยแบบนั้นกลับมาน่ะ"
"เราทำการบ้านกันสูงมากสำหรับเรื่องนี้ครับ โดยเฉพาะบทซึ่งเป็นแก่นหลักของเรื่อง เขียนบทเป็นปี เราต้องอาศัยการทำงานที่ผ่านการประชุมแล้วประชุมอีก เราว่ามันพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างในตัวเราและก็ทีมงานเยอะมาก โปรเจกต์นี้มันใหญ่โตมโหฬาร การถ่ายทำมีกระบวนการขั้นตอนที่กินเวลายาวนานมาก มันคือความท้าทาย มันพิสูจน์ศรัทธา เหมือนขุนพันธ์นะครับที่ท่านตะลุย ท่านบุกขนาดไหนในชีวิต กว่าจะปราบโจรสักคนหนึ่ง เราลงไปที่บ้านท่านแล้วก็ไปไหว้ท่าน ไปขอหลายๆสิ่งหลายๆอย่างว่า ดลบันดาลใจให้เราทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุด และไม่เลิกที่จะทำ ไม่ว่าจะเกิดอุปสรรคอะไรก็แล้วแต่ เราจะมีรูปขุนพันธ์อยู่ข้างโต๊ะทำงาน มีดาบแดงอันหนึ่ง เราก็จะหันไปมองตลอด ถ้ายังมีเวลาเราจะทำให้มันดีที่สุด ไม่มีนักแสดงหรือทีมงานคนไหนถอดใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้เลย"
14 ก.ค. มาร่วมกันพิสูจน์ว่า แรงกระสุนหรือจะสู้แรงศรัทธาของขุนพันธ์ ทุกโรงภาพยนตร์