กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--คอร์ แอนด์ พีค
ด้วยรายได้รวมทั่วโลกกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีโซลูชั่น IoT พร้อมให้บริการในตลาด 33 รายการ และมีสำนักงานครอบคลุมทั่วโลกภายใต้ความร่วมมือกับ AT&T, Eurotech, Intel, Microsoft, PTC และ SAP ทำให้ฮิตาชิฯพร้อมกำหนดจุดยืนเป็นผู้นำในตลาด IoT สำหรับองค์กรและอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ
รายงานข่าวจากบริษัท ฮิตาชิ จำกัด ประกาศจัดตั้ง ฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป (Hitachi Insight Group) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองซานตาคลารา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยกลุ่มธุรกิจนี้จะทำหน้าที่ผลักดันธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things หรือ IoT) ของฮิตาชิให้เป็นหนึ่งเดียวกัน รวมทั้งสนับสนุนกลยุทธ์การเข้าถึงตลาดทั่วโลก และด้วยรายได้จากโซลูชั่นและบริการด้าน IoT ที่มีมูลค่าถึง 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2558 ประกอบกับจำนวนโซลูชั่นที่มีพร้อมให้บริการในตลาดมากถึง 33 รายการ ทำให้บริษัทฮิตาชิ สามารถนำเสนอกลุ่มโซลูชั่นด้าน IoT ได้ครอบคลุมมากที่สุดในตลาด โดยการรวมโซลูชั่นดิจิทัลและ IoT เข้ากับธุรกิจด้านบริการให้เป็นหนึ่งเดียวกันถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฮิตาชิ กำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วแห่งนี้ ทั้งนี้ ฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่จะเป็น "กลไกหลัก" ของบริษัท ฮิตาชิ ในการเดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดที่บริษัท ไอดีซี ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีมูลค่าถึง 1.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2563
IoT กำลังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการผสานรวมโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกันอย่างรวดเร็ว ตลอดจนได้สร้างโอกาสและความท้าทายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับองค์กรธุรกิจ, เมือง, หน่วยงานภาครัฐ และอุตสาหกรรมต่างๆ โดยบริษัท ฮิตาชิ ถือเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างและการประยุกต์ใช้เซ็นเซอร์เพื่อสร้างระบบอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันและสนับสนุนการใช้ IoT ในตลาดภาคอุตสาหกรรมเป็นรายแรกๆ เช่น งานวิเคราะห์เชิงลึกพยากรณ์การซ่อมบำรุง และการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานภายในโรงงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญรอบด้าน และการสืบทอดมรดกทางอุตสาหกรรมตลอดระยะเวลา 106 ปีในด้านเทคโนโลยีการดำเนินงาน (Operational Technology: OT) พร้อมด้วยประสบการณ์มากกว่า 50 ปีในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology: IT) ที่ทันสมัย ทำให้บริษัทสามารถสนับสนุนช่วยเหลือลูกค้าในการแปลงมุมมองเชิงลึกจาก IoT ให้กลายเป็นแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง ทั้งยังได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย ซึ่งนอกจากบริษัทฮิตาชิแล้ว มีเพียงบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่มีความเชี่ยวชาญรอบด้านและมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งในการทำงานร่วมกับ IoT ทั้งระบบ อันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างและปรับใช้โซลูชั่นดิจิทัลในระดับที่ใหญ่ยิ่งขึ้น
มร.เวอร์นัน จูนเนอร์ รองประธานอาวุโส, ด้านการวิจัย IoT และระบบองค์กร บริษัท ไอดีซี กล่าวว่านับเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมอย่างมากในการนำ IoT เข้าสู่ตลาดองค์กร อุตสาหกรรม และภาครัฐ ซึ่งทุกฝ่ายล้วนได้รับประโยชน์มากมายจากการแปรรูปองค์กรให้กลายเป็นระบบดิจิทัล แม้ว่าตลาดแห่งนี้จะยังคงเป็นตลาดที่เพิ่งเริ่มต้น แต่การแปรรูปเป็นระบบดิจิทัลกำลังเข้าไปเปลี่ยนโมเดลธุรกิจที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเดิมๆ ให้เกิดความต้องการโซลูชั่นและแนวทางด้านบริการที่เรียกว่า "ทุกสรรพสิ่งเป็นบริการ" (everything-as-a-service) มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีความเชี่ยวชาญและมีทรัพยากรที่ครอบคลุมซึ่งจำเป็นต่อการนำเสนอโซลูชั่นและบริการ IoT ตลอดจนผลักดันมูลค่าของธุรกิจให้ก้าวสู่ระดับที่ใหญ่ขึ้น และการประกาศของบริษัทฮิตาชิในวันนี้ แสดงให้เห็นว่าบริษัทวางแผนมาเป็นอย่างดีในการวางบทบาทของตนให้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถด้าน IoT เพียงไม่กี่รายในตลาดที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในขณะนี้"
กลุ่มโซลูชั่น IoT ของฮิตาชิประกอบด้วยโซลูชั่นและบริการสำหรับงานด้านความมั่นคงสาธารณะและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ พลังงานหมุนเวียน และการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน ระบบขนส่งอัจฉริยะ การเกษตรและการผลิตที่ต้องอาศัยความถูกต้องและแม่นยำ การบำบัดน้ำและการพัฒนาเมือง การก่อสร้าง การทำเหมือง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งโซลูชั่นดิจิทัลเหล่านี้จะเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้กลายเป็นระบบอัจฉริยะและผลักดันให้มีการแปลงข้อมูลจากการวิเคราะห์เชิงลึกให้กลายเป็นแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้จริงเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งได้ผลลัพธ์ที่สามารถจับต้องได้จริง อาทิเช่นความสามารถในการผลิตและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น กระบวนการทางธุรกิจที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง การลดปริมาณคาร์บอน และการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลุ่มโซลูชั่นที่มีอยู่เดิม พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาโซลูชั่นและบริการใหม่ๆ บริษัทจึงได้สร้าง Lumada ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักด้าน IoT ของบริษัทฮิตาชิ โดย Lumada เป็นสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์แบบเปิดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และได้รับการออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโซลูชั่น IoT ให้ออกสู่ตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังพร้อมให้การสนับสนุนที่ยืดหยุ่นในด้านการปรับแต่งให้เป็นแบบเฉพาะทางและการสร้างระบบการทำงานร่วมกันระหว่างลูกค้าและคู่ค้าของฮิตาชิ
ภายใต้การนำของ มร. เคอิจิ โคจิมา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิตาชิ จำกัด กล่าวว่า การจัดตั้ง "ฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป" เป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดแนวทางและกลยุทธ์สำหรับองค์กรของฮิตาชิ ที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวเข้าสู่แนวคิดการมุ่งเน้นตลาด (Market-in) ในการผลักดันงานวิจัยและพัฒนา รวมทั้งกลยุทธ์การออกสู่ตลาด สำหรับโซลูชั่นและการบริการที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ IoT ภายในตลาดหลัก 4 ส่วน ได้แก่ เมืองอัจฉริยะ พลังงานอัจฉริยะ การสาธารณสุขอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart City, Smart Energy, Smart Healthcare และ Smart Industry) โดยทีมที่มุ่งเน้นในการพัฒนาโซลูชั่น IoT ของบริษัท ฮิตาชิ มีพนักงานมากกว่า16,000 คน ซึ่งมาจากฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป และแผนกอื่นๆ ของกลุ่มบริษัท ฮิตาชิ จำกัด รวมถึงบริษัทในเครือข่ายด้านไอที อาทิ บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ (เอชดีเอส) และบริษัท ฮิตาชิ คอนซัลติ้ง ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือการผลักดันให้มีการพัฒนาและการนำเสนอโซลูชั่นออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว
"การจัดตั้ง ฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป และการพัฒนา Lumada ซึ่งแพลตฟอร์มหลักด้าน IoT ทำให้เราสามารถช่วยจัดเตรียมแนวทางที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดให้กับลูกค้าและคู่ค้าของฮิตาชิ ในการพัฒนาและปรับใช้โซลูชั่นดิจิทัลที่ครอบคลุมได้ในระดับที่ใหญ่ยิ่งขึ้น"
มร. เควิน เอกเกิลสตัน ผู้จัดการทั่วไปประจำทวีปอเมริกา บริษัท ฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป กล่าวว่า IoT เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญและได้รับความสนใจอย่างมากจากองค์กรธุรกิจ อุตสาหกรรม และสังคมที่มีแนวโน้มการดำเนินงานที่คาบเกี่ยวและเดินบนเส้นทางสายเดียวกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยโซลูชั่นของเรากำลังให้การสนับสนุนและช่วยเหลือองค์กรธุรกิจ เมือง เทศบาล และบริษัทในธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งการจัดตั้งฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป ในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถนำวิสัยทัศน์ด้านนวัตกรรมเพื่อสังคม หรือ Social Innovation ของฮิตาชิไปปรับใช้ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันธุรกิจ IoT ของเราให้ก้าวเข้าสู่ระยะสำคัญของพัฒนาการลำดับต่อไป
นอกจากนี้ บริษัท ฮิตาชิ ยังได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมทางสังคม (Centers for Social Innovation) ในพื้นที่หลายแห่งด้วย โดยศูนย์แห่งนี้ประกอบด้วยนักวิจัยในหลากหลายสาขา อาทิ นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล และสถาปนิกด้านโซลูชั่น ที่จะทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดในการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ตลอดจนสร้างแนวทางปฏิบัติที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์แล้วว่าเห็นผล โดยห้องปฏิบัติการเหล่านี้จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป เพื่อนำกลยุทธ์การมุ่งเน้นตลาดของฮิตาชิ มาช่วยในการแก้ปัญหาของโลกในหลายๆ ด้าน เช่น พลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ การขนส่ง และการสื่อสาร เป็นต้น
ในยุคที่ธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิตอลนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วนของธุรกิจและสังคม ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในวิธีการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าหรือกับประชาชน องค์กร สถาบันต่างๆ แนวโน้มของ IoT ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอยู่รอบตัวเราทุกวันนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่า โลกของแอปพลิเคชันที่แท้จริงเป็นอย่างไร หรืออะไรจะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีที่สุด ฮิตาชิกำลังมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ด้วยความเข้าใจเชิงลึก ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าจาก IoT และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิตอลอย่างแท้จริง
กลุ่มบริษัทฮิตาชิ ฯ จะร่วมมือกันกับผู้นำด้านนวัตกรรมในตลาดด้านต่างๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาโซลูชั่นดิจิตอลและIoT ที่ดีที่สุด ซึ่งรวมทั้งพันธมิตรที่สำคัญอย่าง SAP, PTC, AT&T, Eurotech S.p.A., Intel, Microsoft และบริษัทอื่นๆ
คำกล่าวสนับสนุนจากบริษัทพันธมิตร
มร.ธันยา รูเคิร์ท รองประธานกรรมการบริหาร ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และ IoT บริษัท SAP กล่าวว่า SAPยินดีที่จะร่วมกันสร้างสรรค์โซลูชั่น IoT ให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด กับฮิตาชิฯ ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงการผลิตและอุตสาหกรรม ด้วยความสามารถที่ไม่มีใครเทียบของ SAP ในการส่งมอบโซลูชั่นแบบ end-to-end ที่รองรับการเชื่อมต่อกันอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่มีคุณค่าแบบทันท่วงที และเมื่อมาร่วมกันกับฮิตาชิฯ ที่มีความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านอุตสาหกรรม ทำให้พวกเราสามารถสร้างสรรค์ความคุ้มค่าที่มากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา ทั้งในเรื่องของพื้นที่การผลิต, การบำรุงรักษา และตลอดจนมีความครอบคลุมทั้งระบบการทำงานซัพพลายเชน
มร. ร็อบ เกรมเลย์ ประธานกลุ่ม เทคโนโลยี แพลตฟอร์ม กรุ๊ป บริษัท PTC กล่าวว่า PTCเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของฮิตาชิฯมาตั้งแต่ปี 2003 ปัจจุบันเรามีความยินดีที่จะขยายความร่วมมือ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโซลูชั่น IoT กับ ฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าร่วมกัน ให้มีความครอบคลุมด้านบริการและโซลูชั่นด้านดิจิทัล โดยความร่วมมือนี้เราคาดว่าจะรองรับการทำงาน และบริการของเราให้ดีขึ้น รวมทั้งโซลูชั่นที่รองรับด้านการบำรุงรักษา และส่งมอบประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น
มร. โรเบิร์ต แอนเดรส เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท Eurotech Group กล่าวว่า Eurotech ได้เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรที่แข็งแกร่งของฮิตาชิฯ ในโครงการพัฒนา IoT มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เรารู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับศักยภาพและโอกาสที่ได้รับ ที่ต่อไปจะมีการผสานและการนำความสามารถด้าน IoT มารวมกันกับฮิตาชิ อินไซต์ กรุ๊ป การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้เรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการรับมือกับความท้าทายของลูกค้าที่ต้องเผชิญ ร่วมกัน และให้โซลูชั่น IoT ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความต้องการ อย่างเช่น ภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่ง และภาครัฐ เป็นต้น