กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
ผลงานศิลปะที่หาชมยากจากสองศิลปินท้องถิ่นชาวโฮจิมินห์ หว่าง เซือง ก่าม และ จุ๊ก แอง สองภาพวาดแคนวาส ของ หว่าง ฟ้าแลบในป่า อู มินห์ ชุดภาพที่จะถูกจัดแสดงสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2554 ควบคู่กับงานโปรเจ็คของจุ๊ก แอง ที่กำลังดำเนินอยู่ในชื่อว่า อิงค์ คิงดอม
ได้รับแรงบันดาลใจจากจากป่าใหญ่ที่ถูกน้ำท่วมในภาคใต้สุดของประเทศ ชุดภาพ ฟ้าแลบในป่า อู มินห์ ของ หว่าง เซือง ก่าม แสดงความแตกต่างของชื่อที่มักถูกเรียกซ้ำได้อย่างกระจ่างชัดข้ามชั้นของความขัดแย้งกันของตำนานและประวัติศาสตร์ ข้ามแนวความคิดและการค้นคว้าประสาทสัมผัส ภายนอกของภูมิทัศน์ และลำดับชั้นภายข้างในจิตใจ คล้ายกับว่าเป็นการจัดการความวุ่นวาย รูปทรงนามธรรมและหยดสีหลากสีสันที่บดบังซ่อนนัยยะของคติขน รวมถึงความไม่อภิรมย์ของชีวิตที่ผ่านมาที่หลอกหลอนในหัวใจของป่า ที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ร่อนเร่ของงูยักษ์ในตำนาน โจรสลัด กลุ่มนักคัดค้านชาวจีน พวกไม่เคารพกฎหมาย กลุ่มกองกำลังคอมมิวนิส เต็มไปด้วยกับดักเรื่องเล่า การเปรียบเทียบที่ถูกซ่อนและแทบจะไม่มีเรื่องราว รูปแบบของภาพวาด ฟ้าแลบในป่า อู มินห์นี้เกือบจะเป็นเกมจิ๊กซอว์ลับสมองเล่าเรื่องราวเป็นฉากๆคู่ขนานจากเรื่องจริง การเชื้อเชิญที่จะสร้างความรู้สึกและซึมซับการรับรู้ให้กับผู้เข้าชม สร้างการรับรู้ที่แปลกใหม่ของคนที่ไม่รู้จักและคนอื่นๆ
ถ้า ป่ายู มินห์ ของ หว่าง สามารถอ่านเป็นคำอุปมาของความสับสนได้ ชื่อ ยู มินห์ แปลตามวรรณกรรมจะหมายถึง "ที่มีปราศจากแสง" ทั้งยังหมายถึง จิตที่ไม่รู้ ดังนั้น งานของ จุ๊ก แอง จึงเป็นดั่ง กล้องจุลทรรศน์ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อแสงสายฟ้าฝ่าลงมายังผืนป่าอันมืดมิด ได้เปิดเผยตัวตน ตาเบิกโพลงในขณะจิตตกอยู่ในห้วงแห่งความกลัว คัดสรรจากศิลปินที่มีความทะเยอทะยานอย่างมหาศาลในโปรเจ็ค อิงค์ คิงดอม (ประกอบด้วยภาพวาด 888 ภาพ เมื่อแล้วเสร็จ) แต่ภาพแสดงความหลากหลายของลำดับดับขั้นของความแปลกประหลาด เช่นเดียวกับความหลากหลายของของเทคนิคและอิทธิพลที่ได้รับขณะสร้างสรรค์ภาพวาด ผลงานชุดนี้ได้อ้างอิงรูปร่างอันน่าอัศจรรย์และภาพจากประวัติศาสตร์โลก วัฒนธรรมนิยม นิยาย และจินตนาการ – ภาพบางชิ้นงานเป็นที่รู้จักมากกว่าคนอื่นๆ บางอย่างที่จะรู้สึก ภาพที่ปรากฏในหัวบางที่อาจไม่ได้ต้องผ่านการวิเคราะห์ แน่นอนเช่นเดียวกับงานของป่า ยู มินห์ การละเลงสีงานนี้คือการเล่นเกี่ยวกับเป็นองค์ประกอบของความชั่วร้าย (ไม่ว่าจะสื่อเป็นนัยผ่านการฉีกขาดอย่างเจตนาของนักระบำเปลื้องผ้า หรือผ่านงานของ คริสโตบอล์ท และภาพวาดบนที่รองแก้วของจูลี) ทำงานเพื่อตอบโต้อารมณ์ในเวลากลางคืนและอัดฉีดไดนามิคของการต้อนรับ การจับคู่งานแสดงของ หว่าง กับ จุ๊ก แอง บอกเล่าได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับแสงสว่างที่พบได้แม้ตกอยู่ในฝันร้าย ค่ำคืนอันมืดสงัดที่ยาวนานและลึกลับที่สุด ศิลปินกล่าวไว้อย่างเฉียบคมว่า "มันมีอะไรที่น่าค้นหาในสิ่งๆหนึ่งที่เราไม่ต้องการจะเห็น และมันอยู่ที่นี่ ในมุมของความเป็นไปได้ของเรา ที่เราต้องเบิกตาให้กว้างพอที่จะเห็นมัน"