กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--ปตท.
ณ สำนักงานใหญ่ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) มีพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจในโครงการวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงไบโอเอทานอลสำหรับรถยนต์ดีเซลในประเทศไทย ระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ปตท. โดยมี ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการ สวทช. ดร. ฉัตรชัย บุนนาค ประธานบริษัทฟอร์ด โอเปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด และนายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการ ปตท. ร่วมลงนาม
โครงการวิจัยดังกล่าวจะดำเนินการโดยทั้งสามหน่วยงานกล่าวคือสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. สวทช. และบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ โดยมีขอบข่ายงานครอบคลุมการศึกษาคุณสมบัติของน้ำมันดีโซฮอล์หรือเอทานอลผสมกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วนประมาณ 10% และการใช้ในเครื่องยนต์ดีเซลของรถยนต์ Ford Ranger และทำการทดสอบทั้งในด้านประสิทธิภาพเครื่องยนต์และไอเสีย ความทนทานของเครื่องยนต์และชิ้นส่วน การสิ้นเปลืองน้ำมันในสภาพจราจรทั้งในเมืองและทางหลวง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านเทคนิคและความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ของดีโซฮอล์ที่ใช้สำหรับรถยนต์ดีเซลเครื่องยนต์ธรรมดาและเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ เพื่อนำมาปรับปรุงสูตรเอทานอลที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดแนวทางการใช้ดีโซฮอล์ของประเทศที่ชัดเจนต่อไป
อนึ่ง สถาบันวิจัยฯ ปตท. ได้ร่วมกับโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดาทำการวิจัยการใช้เอทานอลเพื่อใช้ในเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลมาตั้งแต่ปี 2539 เพื่อศึกษาและพัฒนาทางเลือกในการใช้พลังงานทดแทนและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากภาวะผันผวนของราคาน้ำมัน โดยปัจจุบันได้นำแก๊สโซฮอล์หรือเบนซินผสมเอทานอล 10% มาจำหน่าย ณ สถานีบริการ ปตท. สำนักงานใหญ่ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาและปรากฎว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ปตท. กำลังทดสอบการใช้ดีโซฮอล์ที่ผสมเอทานอลในสัดส่วน 15% กับรถโดยสาร ขสมก. ซึ่งขณะนี้มีผลการใช้สรุปออกมาแล้วว่าสามารถลดเขม่าควันดำลงประมาณ 70%
จากข้อดีของเชื้อเพลิงเอทานอล ทั่วโลกจึงได้มีการวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์ของเอทานอลอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกได้ทำการวิจัยสูตรเอทานอลอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จในการวิจัยและผลิตรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงสูตรเอทานอล E85 กับน้ำมันเบนซิน (ผสมเอทานอล 85%) ได้เป็นรายแรก และคาดว่าจะจำหน่ายได้ในเร็วๆ นี้ การร่วมงานวิจัยดีโซฮอล์ของทั้งสามหน่วยงาน นอกจากจะเป็นการส่งเสริมนโยบายเอทานอลของรัฐแล้วยังนับเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านเทคโนโลยียานยนต์ของบุคลากรไทยอีกด้วย--จบ--
-สส-