กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มทรงตัว โดยมีอุปสงค์ภายในประเทศเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนภายในประเทศทั้งจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีการตั้งงบประมาณลงทุนเพิ่มสูงขึ้น 20% จากในปี 2558 และการลงทุนของภาคเอกชนที่คาดว่าจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล
โดยบลจ.ไทยพาณิชย์ มองว่ายังมีสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการลงทุนและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีคือหุ้นกลุ่ม Digital Communication เนื่องจากมองว่าการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตอลนั้นปัจจุบันยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งต่อไปในอนาคตยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อีกมาก โดยดูจากฐานการใช้เทคโนโลยีมีการเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปข้างหน้า
นายสมิทธ์ กล่าวว่า บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมที่จะออกกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้นกลุ่ม Digital Communication ทั่วโลก คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลดิจิตอล (SCB Global Digital Fund) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 21-27 มิถุนายน 2559 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท โดยกองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมสำหรับภาวะการณ์ในแต่ละขณะ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลดิจิตอล มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ PICTET-Digital Communication (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน (Share Class) I USD สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งบริหารโดย PICTET Asset Management จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศลักเซมเบิร์ก และอยู่ภายใต้ UCITS (มาตรฐานเพื่อการซื้อขายกองทุนข้ามประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป: Undertaking for Collective Investments in Transferable Securities)
นายสมิทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกองทุน PICTET-Digital Communication ซึ่งเป็นกองทุนหลักมีกลยุทธ์ในการเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีรายได้อย่างน้อย 20% มาจาก Interactive applications อาทิ บริษัทที่ประกอบธุรกิจในด้าน e-commerce ธุรกิจที่สร้างรายได้จากการขายพื้นที่โฆษณาออนไลน์ ธุรกิจที่ให้บริการระบบ IT กับบริษัทที่ทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต ธุรกิจซอฟแวร์ในรูปแบบ Cloud-Based เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวมีอัตราการเติบโตที่ดี และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทที่เลือกลงทุนเป็นหุ้นที่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง มีงบดุลที่แข็งแรง และมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตในอนาคต โดยหุ้น 10 อันดับแรกที่ลงทุน ได้แก่ AT&T, Alphabet, Comcast, Facebook, Verizon, Tencent, Amazon, Intuit, Salesforce และ Yahoo (ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2559)
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนดังกล่าวในช่วง 5 ปี สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 56.07% 3 ปีอยู่ที่ 48.56% และ 1 ปี อยู่ที่ 2.69% สูงกว่าเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน MSCI World Index ในทุกช่วงเวลาเดียวกัน โดย 5 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 35.77% 3 ปี อยู่ที่ 21.86% ขณะที่ 1 ปี ติดลบ 3.77% (ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2559)