ธนาคารแห่งประเทศไทย ติดตามสถานการณ์เอ็นพีแอล 5 ธนาคารอย่างใกล้ชิด หลังพบว่าเอ็นพีแอลเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น

ข่าวทั่วไป Thursday November 23, 2000 10:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--ธปท.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมเข้าติดตามสถานการณ์หนี้ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ใน ๕ ธนาคารพาณิชย์ไทยอย่างใกล้ชิด หลังพบว่าเอ็นพีแอลเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น ระบุอาจเป็นไปได้ว่า เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจากการเร่งปรับโครงสร้างหนี้มากในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จึงทำให้การประนอมหนี้ในเดือนตุลาคมมีความก้าวหน้าน้อย หรืออาจมีเอ็นพีแอลใหม่เพิ่มขึ้น
นายบัณฑิต นิจถาวร ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัม- พันธ์ ในฐานะโฆษก ธปท. เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารพาณิชย์เอกชน ๕ แห่ง มีปริมาณหนี้เอ็นพีแอลในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนว่า เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น และเป็นการรายงานข้อมูลเพียงบางธนาคารเท่านั้น ซึ่ง ธปท.จะติดตามรายละเอียดของทั้ง ๕ ธนาคารพาณิชย์เป็นพิเศษว่า เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุจากอะไร เพราะถือเป็นครั้งแรก ที่เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์เอกชนเพิ่มขึ้นมาก
นายบัณฑิต กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าปัญหาเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นเกิดจาการเร่งปรับโครงสร้างหนี้มากในเดือนกันยายน จึงทำให้การประ- นอมหนี้ในเดือนตุลาคม มีความก้าวหน้าน้อย หรืออาจมีเอ็นพีแอลใหม่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธปท.จะต้องหาสาเหตุที่แท้จริงเสียก่อน เพราะไม่ต้องการให้นำเรื่องดังกล่าวมาวิเคราะห์เป็นแนวโน้มของเอ็นพีแอลทั้งระบบต่อไป
รายงานข่าวจาก ธปท. ระบุว่า ปริมาณเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง ๑๓ แห่ง ล่าสุดเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้น มีจำนวน ๑.๐๑๓ ล้านล้านบาท หรือร้อยละ ๒๔.๕๗ ของสินเชื่อรวม ลดลงจากเดือนก่อน ๕,๕๑๑.๕๔ ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ ๐.๒๕ เนื่องจากมีเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์เอกชนเพิ่มขึ้น ปรับโครงสร้างหนี้ได้น้อยลง และไม่มีการโอนหนี้เสียไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (เอเอ็มซี) โดยเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นเป็นของธนาคารพาณิชย์ ๕ แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ เพิ่มขึ้น ๒,๕๙๑.๐๓ ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพิ่มขึ้น ๓๔๙.๔๐ ล้านบาท ธนาคารทหารไทย เพิ่มขึ้น ๑,๑๔๖.๘๓ ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ เพิ่มขึ้น ๒,๒๑๔.๒๐ ล้านบาท และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์นครธน เพิ่มขึ้น ๔๙๕.๕๔ ล้านบาท ส่วนธนาคารพาณิชย์ของรัฐทั้ง ๔ แห่งลดลง ๑๑,๐๑๖.๘๔ ล้านบาท โดยมีเอ็นพีแอล ๔๘๑,๐๐๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๒.๓๗.--จบ--
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ