กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้
เกษตรกรเลี้ยงไก่ เผยอุณหภูมิที่สูงถึง 44 องศาเซลเซียส แม้มีพายุลมแรง แต่ยังขาดน้ำ ทำให้ผลผลิตไข่ไก่เสียหายทั่วประเทศ ผลผลิตที่ได้ไม่ครอบคลุมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ ประธานสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้น อากาศร้อนจัดและขาดน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการให้ไข่ของแม่ไก่ เนื่องจากไก่กินอาหารน้อยลง ประกอบกับในหลายพื้นที่มีพายุลมแรงสร้างความเสียหายแก่เกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงไก่ในโรงเรือนเปิด โดยเฉพาะในภาคใต้และภาคเหนือ
"แม้ว่าพายุฝนตกในบางพื้นที่ แต่ปัญหาขาดแคลนน้ำก็ยังคงอยู่ เกษตรกรยังต้องซื้อน้ำใช้ในฟาร์ม ขณะที่อากาศแปรปรวนร้อนจัดสลับกับฝนตกทำให้ไก่เสียหายทุกวัน ผลผลิตไข่ลดลง และมีขนาดฟองเล็ก ทำให้ราคาไข่ที่ได้ในขณะนี้ไม่สามารถชดเชยกับต้นทุนและค่าซื้อน้ำได้" นายสุเทพกล่าว
ด้าน นายปิติพงษ์ ดิษสงวน เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ฟาร์มเปิด ที่ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ฟาร์มของตนโดนพายุฤดูร้อนพัดถล่มติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว ทำให้โรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่เสียหายทั้งหลัง หลังคาเปิดออกทั้งหมด ไก่ที่เลี้ยงไว้กว่า 30,000 ตัวตื่นตกใจ ไม่ออกไข่ ทำให้ผลผลิตลดลงกว่า 50% เนื่องจากไก่ตกใจเสียงดังจากฟ้าร้อง เสียงพายุและลมพัดแรง
"พายุที่พัดถล่มอย่างหนักสาดเข้าไปในโรงเรือน แม่ไก่ที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดได้รับผลกระทบโดยตรง มีไก่ตายกว่า 10% ขณะที่ภาวะช็อคทำให้ไก่มีผลผลิตลดลง 50% และความชื้นที่สูงขึ้นส่งผลต่อความเป็นอยู่และระบบหายใจของไก่ทำให้เจ็บป่วยอีกเป็นจำนวนมาก" นายปิติพงษ์ กล่าว
ภาวะร้อนแล้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 ทำให้ผลผลิตไก่ไข่ลดลงสะสมมาหลายเดือน ปัจจุบันไข่ไก่หายไปจากระบบถึง 15-20% หรือประมาณ 5-7 ล้านฟองต่อวัน.