กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
นี่คือการก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งความสำเร็จ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2016 ปอร์เช่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบผลงานและยอดส่งมอบรถกับปีที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกสามารถสร้างผลประกอบการที่กระเตื้องขึ้นจากเดิมกว่า 5.4 พันล้านยูโร (+6 %) และมีผลการดำเนินงานที่ 896 ล้านยูโร (+17 %) ยอดการส่งมอบรถยนต์ทำได้สูงถึง 55,974 คัน (+10 %) ผลตอบแทนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 16.7 % ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ปอร์เช่คือบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีผลกำไรสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
สำหรับ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ ปอร์เช่ AG กล่าวว่าตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับโลกแห่งนี้ อยู่ในสถานะที่มั่นคงที่สุดในประวัติศาสตร์ขององค์กร ด้วยการส่งมอบยนตกรรมที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันดึงดูดใจและมีความหลากหลาย ตอบรับทุกความต้องการ "ไม่ว่าจะเป็น 911 ใหม่ 718 บ็อกซ์เตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) ล้วนแล้วแต่เป็นรถสปอร์ตที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี" นอกจากนี้ Blume ยังชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการสร้างผลกำไรและความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมของปอร์เช่ "จุดมุ่งหมายของเรา ไม่ใช่เพียงเพื่อบรรลุยอดการส่งมอบรถยนต์ให้ได้ตามเป้าเท่านั้น แต่เรายังคงแน่วแน่ในจุดยืนที่จะเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับการสร้างคุณค่า โดยมีรากฐานจากความเชื่อถือและความไว้วางใจในการทำงานของเรา" ซึ่งนี่คือคำยืนยันในเจตนารมณ์ของ Blume ทั้งนี้เมื่อสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2016 ปอร์เช่มีบุคลากรผู้ปฏิบัติงานในอัตราที่เติบโตขึ้นถึง 25,081 ตำแหน่ง โดยในปีที่แล้วมีจำนวนพนักงานอยู่ที่ 22,945 ตำแหน่ง (+9 %)
Lutz Meschke รองประธานและหนึ่งในสมาชิกกรรมการบริหารผู้รับผิดชอบด้านเงินทุนและเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) อธิบายถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นการบ่งชี้ถึงตัวเลขยอดการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มและสถานการณ์ในปัจจุบัน "สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกับการที่เรากำลังวิ่งโดยมีกระแสลมหนุนหลัง" เขายังพยายามชี้ให้เห็นว่า ปอร์เช่จะสามารถบรรลุเป้าหมายในกลยุทธการสร้างผลกำไรที่ 15% ภายในปีงบประมาณ 2016 "เราทุกคนต่างก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ตามเส้นทางที่ปอร์เช่ได้วางเอาไว้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นจากตัวเลขกระแสเงินสดที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว" นี่คือคำกล่าวย้ำจาก CFO ของปอร์เช่
นอกจากนี้ Meschke ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายและผลประกอบการที่ดีขึ้นอีกตลอดปีงบประมาณ 2016 นี้ จากผลการทำงานที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้ดำเนินการลงทุนในการพัฒนาส่วนงานการผลิตรถยนต์ปอร์เช่ Mission E ที่มีต้นกำลังจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ด้วยปริมาณเงินจำนวนมากกว่าพันล้านยูโรก็ตาม
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง(ZertifizierterPorsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถยนต์ปอร์เช่ของท่านสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิตโทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarnถ.พัฒนาการโทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
รับชมภาพประกอบเนื้อหาข่าวได้ที่ Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.de) และ ฐานข้อมูลสำหรับสำนักข่าวได้ที่ Porsche press database (https://presse.porsche.de).
ปอร์เช่ 911: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.7–13.5 กิโลเมตร/ลิตร; (9.3–7.4 ลิตร/100กิโลเมตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 216–169 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ 718 Boxster: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.3–14.4 กิโลเมตร/ลิตร (8.1–6.9 ลิตร/100กิโลเมตร);อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 184-158 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ 718 Cayman: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.3–14.4 กิโลเมตร/ลิตร (8.1–6.9 ลิตร/100กิโลเมตร);อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 184-158 กรัม/กิโลเมตร
หมายเหตุ: ท่านสามารถติดตามภาพข่าวเพิ่มเติมได้ที่ ฐานข้อมูลสำหรับสื่อมวลชนhttp://presse.porsche.de.
ราคาและกำหนดการวางจำหน่ายมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ กรุณาติดต่อสอบถามเพื่อรับทราบข้อมูลของรถยนต์ปอร์เช่ที่จำหน่ายในประเทศของท่านได้ที่ ศูนย์บริการรถยนต์ปอร์เช่