กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล
ผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดชี้ว่าหมดสมัยของกระเป๋าเงินใบใหญ่แล้ว ผู้บริโภคต้องการบัตรใบเดียวที่สามารถทำทุกอย่างสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันได้
"ผู้บริโภคได้บอกออกมาแล้วว่าต้องการอะไร และไม่ใช่แค่บริษัทชำระเงินเท่านั้นที่ควรจะให้ความสนใจกับผลสำรวจนี้ แต่บริษัทต่างๆที่ให้บริการค้าปลีก การสื่อสาร การคมนาคม หรือแม้กระทั่งผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตควรที่จะพิจารณารวมบริการเหล่านี้เข้าด้วยกัน และใช้โอกาสที่มีมากมายที่สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้ เช่นบัตรสมาร์ทการ์ด เพราะสิ่งนี้คือแนวทางที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความภักดีของลูกค้าที่มีต่อบริษัท หรือการมีช่องทางใหม่ๆเพื่อจะเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า หรือแม้แต่การต่อสู้เพื่อรักษาส่วนแบ่งของตนในกระเป๋าของผู้บริโภค" มร. กูลด์กล่าว
สิ่งหนึ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับบัตรสมาร์ทการ์ดคือความสนใจในเรื่องการปกป้องข้อมูลของแต่ละบุคคล ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงไม่สะดวกใจที่จะให้ใครเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวที่เก็บไว้ในบัตร เช่น รายละเอียดของบัญชีเงินฝากธนาคาร บัตรเครดิต ใบอนุญาตขับขี่ และข้อมูลทางการแพทย์ โดยครึ่งหนึ่งของผู้ถูกสำรวจในออสเตรเลีย และสิงคโปร์ชี้ว่า พวกเขากังวลเกี่ยวกับการมีข้อมูลมากเกินไปบนบัตรใบเดียว มีเพียงร้อยละ 30 ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีน ที่บอกว่าไม่ต้องการให้เหมือนกัน โชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ระบบปฏิบัติการ MULTOS ให้ความปลอดภัยสูงสุดและได้รับรางวัลจากการจัดอันดับความปลอดภัยของ Information Technology Security Evaluation Criteria-ITSEC ระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ที่มีอยู่ใน ITSEC ซึ่งเป็นมาตรฐานการประเมินความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ประกาศนียบัตรดังกล่าวมีไว้เพื่อให้การรับรองแก่ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง
ข้อมูลมาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนลมาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล มีผลิตภัณฑ์สำหรับการชำระเงินในรูปแบบต่างๆ มากที่สุดในโลก มาสเตอร์การ์ดคือผู้นำในด้านคุณภาพและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการชำระเงิน เนื่องจากมีสถาบันการเงินสมาชิกกว่า 23,000 แห่งที่ให้บริการการชำระเงินแก่ผู้ถือบัตรใน 220 ประเทศ ปัจจุบัน มีผู้ถือบัตรเครดิต MasterCard(บัตรเดบิต Maestro( ระบบเอทีเอ็ม Cirrus( และบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ Mondex( จำนวนประมาณ 700 ล้านใบ ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากสถานที่ต่างๆ กว่า 16.2 ล้านแห่งทั่วโลก ซึ่งไม่มีบัตรชนิดใดที่ได้รับการยอมรับจากสถานที่หรือจากร้านค้าต่างๆ มากเท่าบัตรของมาสเตอร์การ์ด ในปี 2541 มีการใช้จ่ายผ่านบัตรชนิดต่างๆ ของมาสเตอร์การ์ด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 650,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลของมาสเตอร์การ์ดได้ที่ http:www.mastercard.com ผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดชี้ว่า หมดสมัยของกระเป๋าเงินใบใหญ่แล้ว ผู้บริโภคต้องการบัตรใบเดียวที่สามารถทำทุกอย่างสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันได้ รายงานนี้แสดงถึงผลการสำรวจผู้ถือบัตรเอทีเอ็มในประเทศออสเตรเลีย (ซิดนีย์) จีน (ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้) และสิงคโปร์ ในระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 12 พฤศจิกายน 2542- ตัวอย่างการสำรวจประกอบด้วยการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับผู้ถือบัตรเอทีเอ็มทั้งหญิงและชายอายุระหว่าง 18-55 ปี จำนวนประเทศละ 200 คน ทั้งสามประเทศ ผู้ถูกสำรวจในจีนจำนวน 200 คนแบ่งออกเป็นเมืองละ 100 คนทั้งปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ โดยสรุปแล้วมีผู้ถูกสำรวจในสามประเทศทั้งสิ้น 600 คน ตัวอย่างในแต่ละประเทศถูกแบ่งเป็นผู้หญิงและผู้ชายและแบ่งเกณฑ์อายุผู้ถูกสำรวจเป็น 18-29 ปี 30-40 ปี และ 40 ปีขึ้นไป--จบ--