กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--ไทยออยล์
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ. ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน 2559
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 47 – 52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 47 – 52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (20 - 24 มิ.ย. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะผันผวน โดยตลาดมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง หลังสหราชอาณาจักรออกเสียงลงประชามติต้องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อผลกระทบของ Brexit ที่จะมีต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและเทขายเงินปอนด์ของอังกฤษและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากอุปทานจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นใกล้ระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อาจโน้มน้าวให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ราคาอาจไม่ได้ปรับลดลงไปมากนัก เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวจากเหตุการณ์การโจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบในไนจีเรียในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้
สหราชอาณาจักรออกเสียงลงประชามติ แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย. โดยผลการนับคะแนนออกมาว่า ผู้ออกเสียงที่เลือก "แยกตัว" ชนะผู้ที่ต้องการ "คงอยู่" ในอียู 51.9% ต่อ 48.1% โดยผู้โหวตให้ออกจากอียูมี 17.4 ล้านคน ส่วนผู้ลงคะแนนให้เป็นสมาชิกต่อไปมี 16.1 ล้านคน โดยผลการประชามติดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกไปยังตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงตลาดน้ำมันดิบ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าถ้าหากอังกฤษออกจากยุโรปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปและอังกฤษให้ชะลอตัวลงและอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันได้ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบ หลังนักลงทุนเทขายเงินปอนด์ของอังกฤษและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อโยกย้ายเงินลงทุนไปซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อาจส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหลุมน้ำมันที่ขุดไว้แล้ว (Drilled but Uncompleted หรือ DUC ) เนื่องจากผู้ผลิตบางรายเริ่มคุ้มทุนที่จะกลับมาดำเนินการผลิตใหม่ ซึ่งสะท้อนได้จากตัวเลขจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่รายงานโดย Baker Hughes (สิ้นสุด ณ วันที่ 17 มิ.ย.) ที่ปรับเพิ่มขึ้นอีก 9 แท่น เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน สู่ระดับ 337 แท่น ทั้งนี้ จำนวนแท่นขุดน้ำมันดิบในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากราคาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
ความไม่สงบไนจีเรียยังไม่คลี่คลาย และมีแนวโน้มที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรียจะคงอยู่ในระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลต้า อเวนเจอร์ หรือ Niger Delta Avengers (NDA) ได้ก่อเหตุโจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันสำคัญทางตอนใต้ของไนจีเรีย ส่งผลให้กำลังการผลิตในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีที่ราว 1.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปริมาณการผลิตเฉลี่ยในปี 58 ที่ราว 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ในเดือน มิ.ย. ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ราว 1.5 - 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ ล่าสุดรัฐบาลไนจีเรียออกมาประกาศว่าทางรัฐบาลสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหยุดพักรบและสงบศึกชั่วคราวกับกลุ่ม NDA เป็นเวลา 30 วัน อย่างไรก็ดี กลุ่ม NDA ออกมาปฏิเสธผ่านทางทวิตเตอร์ว่าทางกลุ่มไม่เคยเจรจาหรือบรรลุข้อตกลงใดๆ
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 17 มิ.ย. ปรับลดลง 0.9 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่ห้าติดต่อกัน สู่ระดับ 530.6 ล้านบาร์เรล โดยการปรับลดลงเป็นผลมาจากอัตราการกลั่นที่คงอยู่ในระดับสูงเพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูกาลขับขี่ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 65.2 ล้านบาร์เรล
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 1/59 สหรัฐฯ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ รายจ่ายและรายได้สหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตจีน (Caixin PMI) และดัชนีภาคการบริการจีน (Service PMI) ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM PMI)
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 - 24 มิ.ย. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 48.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.76 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 48.41 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 47 เหรียญสหรัฐฯ หลังตลาดคลายกังวลว่าอังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป หลังผลการสำรวจ ณ วันที่ 23 มิ.ย. พบว่าสัดส่วนผู้ที่สนับสนุนให้ประเทศอังกฤษยังคงอยู่ในสหภาพยุโรป (47%) มีจำนวนมากกว่าผู้ที่สนับสนุนให้ประเทศอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (45%) นอกจากนั้น ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า