กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
· เมลเบอร์นได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายเส้นทางการบินของ เอ380 ของสายการบินเอทิฮัดที่กำลังขยายตัว
· นำห้องโดยสารเดอะเรสซิเดนซ์ และห้องโดยสารยุคใหม่ชั้นแนวหน้ามาให้บริการในเส้นทางนี้
· บัทเลอร์ เชฟบนเที่ยวบิน พี่เลี้ยงเด็กบนเที่ยวบิน ผู้จัดการด้านอาหารและเครื่องดื่มนั้นจะมอบบริการที่เป็นนวัตกรรมและเปี่ยมไปด้วยอัธยาศัยไมตรีบนเที่ยวบิน
· มอบการเดินทางอย่างราบรื่นด้วย เอ380 สู่ลอนดอน ผ่านกรุงอาบู ดาบี
เครื่องบิน เอ380 ที่ทุกคนรอคอยของสายการบินเอทิฮัด ได้ลงจอดที่นครเมลเบอร์นแล้ว เริ่มต้นยุคใหม่ของการเดินทางที่หรูหราในเส้นทางเมลเบอร์น-อาบู ดาบี และเมลเบอร์น – ลอนดอน
เครื่องบิน เอ380 ของเอทิฮัดนั้นมีห้องโดยสาร เดอะ เรสซิเดนซ์ ห้องโดยสารสวีทส่วนตัวแบบสามห้อง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีห้องโดยสารรูปแบบนี้บนเครื่องบินพาณิชย์ รวมไปถึงมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ทันสมัยทั่วทั้งห้องโดยสารอื่น ๆ
เที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางอาบู ดาบี – เมลเบอร์น โดย เอ380 เที่ยวบิน EY460 นั้นออกเดินทางจากท่าอากาศยานอาบู ดาบี เมื่อเวลา 22.15 น. ของวันที่ 1 มิถุนายน และมีกำหนดการเดินทางถึงท่าอากาศยานเมลเบอร์น ในเวลา 17.45 น. ของวันที่ 2 มิถุนายน เครื่องบินซึ่งมีลวดลายหลายมุมมอง 'เหลี่ยมเพชรแห่งอาบู ดาบี' ('Facets of Abu Dhabi livery) อันแสนสะดุดตานั้น จะได้รับการต้อนรับจากเมืองหลวงของรัฐวิคตอเรีย ด้วยอุโมงค์น้ำ ตามประเพณี ส่วนเที่ยวบินขากลับเมลเบอร์น อาบูดาบี เที่ยวบิน EY461นั้นจะออกเดินทางจากเมลเบอร์นเวลา 22.10 น. ของวันที่ 2 มิถุนายน
ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน เครื่องบินซูปเปอร์จัมโบ้อันเป็นเรือธงของสายการบิน จะปฏิบัติการบินใน 1 จาก 2 เที่ยวบินรายวัน ระหว่างเมลเบอร์นและกรุงอาบู ดาบี และจะมาแทนที่เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300อีอาร์ที่ให้บริการอยู่ในเส้นทางนี้
รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของสายการบินเอทิฮัด มร. เชน โอแฮร์ กล่าวว่า "วันนี้นั้นเป็นอีกหนึ่งก้าวคัญของสายการบินเอทิฮัดในออสเตรเลีย"
"ด้วยเมลเบอร์นได้มาร่วมเครือข่ายเส้นทางการบินของ เอ380 ของเรา ออสเตรเลียนั้นเป็นประเทศเดียวในเครือข่ายเส้นทางการบินทั่วโลกของเราที่มีเที่ยวบินรายวันบริการด้วย เอ380 ไปยังสองเมืองนั้นคือ เมลเบอร์นและซิดนีย์"
"การนำเครื่องบินที่มีเทคโนโลยีล่าสุดของเราและมีผลิตภัณฑ์และการบริการชั้นนำมายังออสเตรเลียนั้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่มีต่อธุรกิจของเรา และความต้องการอย่างมากของนักเดินทางชาวออสเตรเลียสำหรับประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับ"
"จากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการบริการในทุก ๆ ห้องโดยสารตลอดจนวิธีการในการต้อนรับขับสู้ของเรา เอ380 ของสายการบินเอทิฮัด นั้นมอบการสัมผัสถึงความหรูหราให้แก่ผู้โดยสารทุกและวางมาตรฐานใหม่ของความสะดวกสบายบนเที่ยวบิน ความสะดวกสบาย การเชื่อมต่อสื่อสารและการบริการ"
"และถือเป็นการเพิ่มความพิเศษแก่ผู้โดยสารที่จุดหมายปลายทางคือกรุงลอนดอน เราได้มอบความสะดวกและความสบายชั้นแนวหน้า ด้วยการบริการด้วย เอ380 ตลอดเส้นทาง" เอ380 จะเพิ่มจำนวนที่นั่งทั้งสองทางในเส้นทางเมลเบอร์น – อาบู ดาบี อีกร้อยละ 26 เพิ่มเป็นจำนวนกว่า 11,500 ที่นั่งต่อสัปดาห์
มร. โอแฮร์ กล่าวว่านี่จเป็นการช่วยลดข้อจำกัดเรื่องจำนวนที่นั่งในเส้นทางเมลเบอร์น - อาบู ดาบี โดยเฉพาะกับการเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนที่หรูหรา
"เส้นทางจากกรุงอาบู ดาบีสู่เมลเบอร์นของเรานั้น มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารที่สูงมากตลอดทั้งปี"
" เครื่องบิน เอ380 ที่มีที่นั่งชั้นธุรกิจ 70 ที่นั่งนั้นทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการห้องโดยสารชั้นพรีเมียมของผู้โดยสารและจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของเราในส่วนที่สำคัญนี้ได้"
แอร์บัส เอ380 ของสายการบินเอทิฮัด ขนส่งผู้โดยสารได้ 496 คนด้วยการจัดที่นั่ง 4 ชั้นโดยสาร คือ เดอะ เรสซิเดนซ์ เฟิร์สทอพาร์ทเมนท์ บิสสิเนส สตูดิโอ และอีโคโนมีสมาร์ทซีท
มอบระดับของความหรูหราพื้นที่และความเป็นส่วนตัวที่ไม่มีใครเทียบในห้องโดยสารที่ปรับแต่งได้อย่างมากที่สุดในธุรกิจการบินพาณิชย์
เดอะ เรสสิเดนซ์ นั้นเป็นห้องสวีทแบบสามห้องที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีเฉพาะสายการบินเอทิฮัดเท่านั้น มีพื้นที่ทั้งหมด 125 ตารางฟุต อยู่บริเวณส่วนหน้าสุดของชั้นบนของเอ380 และรองรับผู้โดยสารได้ 1 หรือ 2 คน
มีห้องนั่งเล่นที่มีจอ และห้องอาบน้ำในตัวที่แยกต่างหาก มีจอแอลซีดี 32 นิ้ว ในห้องนั่งเล่น และจอ 24 นิ้วแยกต่างหากในห้องนอน
การต้อนรับอันแสนพิเศษนั้นมีบัทเลอร์ส่วนตัวที่ได้รับการฝึกฝนจากสถาบันซาวอยที่มีชื่อเสียงระดับโลกในกรุงลอนดอน ที่จะดูแลทุก ๆ ความต้องการของผู้โดยสารพิเศษบนห้องโดยสารนี้
ห้องโดยสารเฟิร์สท์ อพาร์ทเมนท์ 9 ที่นั่งในชั้นหนึ่งนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีที่เก้าอี้พักผ่อนที่ปรับเอนได้พร้อมที่วางเท้า ที่หุ้มด้วยหนังโพลโทรนา เฟราชั้นเลศ ที่วางเท้านั้นสามารถเปิดออกมาเป็นเตียงแยกต่างหากที่นอนราบได้สมบูรณ์แบบได้ยาว 80.5 นิ้ว นอกจากนั้นมีโทรทัศน์แอลซีดี 24 นิ้ว ตู้แช่มินิบาร์ โต๊ะเครื่องแป้งส่วนตัวและห้องอาบน้ำที่มีอุปกรณ์ครบครันสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งใช้เท่านั้น
ห้องโดยสารบิสสิเนส สตูดิโอ 70 ที่นั่งนั้นอยู่บนชั้นบนของ เอ380 ทุกที่นั่งนั้นสามารถเข้าออกทางเดินได้โดยตรง เตียงที่ปรับราบได้สมบูรณ์และพื้นที่ส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 20 ที่นั่งหุ้มด้วยหนังโพลโทรนา เฟรา ที่นั่งบิสสิเนส สตูดิโอนั้นมีระบบนวดและระบบควบคุมพนักพิงแบบเบาะลม
เดอะ ล็อบบี้ พื้นที่รับรองหรูหราซึ่งอยู่ระหว่างห้องโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจนั้นมีเก้าอี้นวมที่สะดวกสบาย 2 ตัว บาร์ที่มีพนักงานคอยให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม
ห้องโดยสารชั้นล่างนั้นมีที่นั่งอีโคโนมี สมาร์ทซีท 415 ที่นั่ง ซึ่งจะมอบที่พักศรีษะแบบมีปีก 'fixed wing' อันเป็นเอกลักษณ์ เบาะพยุงแผ่นหลังที่ปรับได้ แต่ละที่นั่งมีความกว้างเฉลี่ย 19 นิ้ว และจอส่วนตัวขนาด 11 นิ้ว
ผู้โดยสารในทุกชั้นโดยสารจะเพลิดเพลินกับระบบความบันเทิงพานาโซนิค อีเอ็กซ์3 อันทันสมัยล่าสุด ซึ่งมอบความบันเทิงมากกว่า750 ชั่วโมงที่เลือกได้ตามความต้องการรวมไปถึงช่องโทรทัศน์รายการข่าวและช่องกีฬาที่รับชมได้สด เกมส์ที่พัฒนามากขึ้นและจอความเอียดสูงทั่วทั้งห้องโดยสาร เครื่องบิน เอ380 นั้นมีการเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตไวไฟสมบูรณ์แบบ และมีช่องจ่ายไฟฟ้าผ่านช่องยูเอสบีทุก ๆ ที่นั่ง
การต้อนรับที่โด่งดังไปทั่วโลกของสายการบินนั้น มอบการบริการที่เป็นนวัตกรรมหลายอย่างเช่น พี่เลี้ยงเด็กบนเที่ยวบิน ผู้จัดการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน
พี่เลี้ยงเด็กบนเที่ยวบินนั้นได้รับการอบรมจากวิทยาลัยนอร์แลนด์อันมีชื่อเสียง ในสหราชอาณาจักร และจะประจำอยู่บนทุก ๆ เที่ยวบินของเอ 380 เพื่อจะคอยช่วยเหลือครอบครัวที่เดินทางเพิ่มเด็กเล็ก
ผู้จัดการด้านอาหารและเครื่องดื่มประจำเที่ยวบินนั้นคัดเลือกมาจากโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำของโลก โดยจะคอยแนะนำผู้โดยสารในชั้นธุรกิจในการเลือกรายการอาหารมากมายและทางเลือกที่จะรับประทานอาหารในเวลาใด ๆ ก็ตามและให้คำแนะนำว่าอาหารและไวน์ชนิดใดจะเข้าคู่กันดีที่สุด
เที่ยวบินจำนวน 2 เที่ยวต่อวันของสายการบินเอทิฮัดจากเมลเบอร์นนั้นมอบการเชื่อมต่อ มากกว่า 900 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ให้แก่นักเดินทางจากรัฐวิคตอเรีย เพื่อเชื่อมต่อไปยัง ตลาด 50 แห่งทั่วทั้งภูมิภาคอ่าว ตะวันกออกกลาง แอฟริกา และยุโรป
ภายในประเทศออสเตรเลียและต่อไปยังนิวซีแลนด์ เอทิฮัดให้บริการเที่ยวบินร่วมบนเที่ยวบินของเวอร์จินออสเตรเลียและแอร์ นิวซีแลนด์ ในเที่ยวบินจากเมลเบอร์น สู่แอดิเลด ออคแลนด์ บริสเบน แครนส์ แคนเบอร์รา ไครส์เชิร์ช คอฟส์ ฮาร์เบอร์ ดาร์วิน โกลด์โคสท์ ฮามิลตัน ไอส์แลนด์ คาร์กูรลี ลอนเซสตัน มิลดูรา นิวคาสเซิล เพิร์ธ ควีนส์ทาวน์ ซันไชน์โคสต์ ซิดนีย์ และ เวลลิงตัน
สายการบินเอทิฮัดนั้นเริ่มให้บริการเที่ยวบินรายวันสู่เมลเบอร์น ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 และเพิ่มเที่ยวบินรายวันเที่ยวที่สองในเส้นทางนี้เมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ทำให้เป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการเที่ยวบินแบบไม่หยุดพักถึงสองเที่ยวต่อวันระหว่างเมลเบอร์น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
การเริ่มให้บริการด้วย เอ380 สู่เมลเบอร์นนั้นช่วยเติมเต็มการให้เปิดให้บริการห้องรับรอง พรีเมียมเลาจน์ที่ท่าอากาศยานเมลเบอร์น ด้วยพื้นที่กว่า 800 ตร.ม. พร้อมทั้ง บรรยากาศของห้องอาหารและบาร์ที่สวยงาม ที่นี่เป็นห้องรับรองที่สนามบินของสายการบินเอทิฮัดที่ใหญ่ที่สุดนอกเหนือไปจากที่ฐานการบินที่กรุงอาบู ดาบี และที่นี่ยังมีห้องรับรองส่วนตัวที่แยกต่างหากสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเดอะ เรสซิเดนซ์
เที่ยวบินจากและสู่เมลเบอร์นสามารถสำรองที่นั่งได้จากตัวแทนท่องเที่ยว ศูนย์บริการลูกค้าของสายการบินเอทิฮัดหรือ ที่ Etihad.com ราคาไปกลับของชั้นโดยสารเดอะเรสซิเดนซ์ระหว่างเมลเบอร์นและอาบู ดาบี อยู่ที่ 70,900 ดอลลาร์ ออสเตรเลีย และมีค่าภาษีเพิ่มเติม ระหว่าเมลเบอร์นและลอนดอน อยู่ที่ 111,200ดอลลาร์ ออสเตรเลียและมีค่าภาษีเพิ่มเติม
สายการบินซึ่งมีฐานการบินอยู่ที่กรุงอาบู ดาบีนั้น มีความผูกพันที่เหนียวแน่นกับนครเมลเบอร์นและรัฐวิคตอเรีย ผ่านความร่วมมือกับ สนามเอทิฮัดสเตเดียม สโมสรฟุตบอลเมลเบอร์นซิตี หอเกียรติคุณกีฬาแห่งออสเตรเลีย ศูนย์การแสดงเมลเบอร์นและพิพิธภัณฑ์อิสลามแห่งออสเตรเลีย