กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--บีลิงค์ มีเดีย
พีคสุด!! หลังจากที่เปิดตัวโครงการประกวดหนังโฆษณา "ฟิชโช พีคสุดในสามโลก" ไปได้ไม่นาน กระแสตอบรับนั้นดีมากๆ ทำให้มีผลงานหนังโฆษณาส่งเข้าร่วมโครงการฯถึง 209 ผลงาน!! คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิถึงกับลำบากใจ เพราะหลายๆผลงานมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แต่สุดท้ายคณะกรรมการก็ตัดสินใจเลือกให้เหลือเพียง 10 ผลงาน ซึ่งตอบโจทย์กับหัวข้อที่กำหนดไว้มากที่สุด และถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ จนในรอบตัดสินคณะกรรมการได้ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ เลือกหนังโฆษณาที่ตอบโจทย์มากที่สุด และมีไอเดียที่สร้างสรรค์ เพื่อคว้ารางวัลชนะเลิศพร้อมทุนการศึกษา 100,000 บาท พร้อมทั้งหนังโฆษณาก็จะถูกนำไปออนแอร์จริงทางโทรทัศน์ ซึ่งได้แก่หนังโฆษณาจากทีม ลงพุงฟิล์ม จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
โครงการประกวดหนังโฆษณา "ฟิชโช พีคสุดในสามโลก" เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ วันที่ 25 มกราคม 2559 และดำเนินการจัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้กับน้องๆในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยเน้นน้องๆ ที่เรียนในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการเสริมสร้างการเรียนรู้นอกห้องเรียน ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง และการค้นหาไอเดียที่สร้างสรรค์ โดยน้องๆต้องทำงานเป็นทีม ทีมละไม่เกิน 3 – 5 คน และจะต้องเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา ซึ่งน้องๆจะต้องผลิตผลงานออกมาในรูปแบบของหนังโฆษณาความยาว 30 วินาที ภายใต้หัวข้อ "ตัวจริงที่ชัดเจน ของวัยรุ่น" โลกของคุณเป็นแบบไหน เอาที่ชัดเจนแล้วกัน โดยมีผลิตภัณฑ์ "ฟิชโช" ปลาแผ่นบดแผ่นสี่เหลี่ยม รสชาติใดก็ได้ tied-in ในชิ้นงานโฆษณา จากนั้นคณะกรรมการจะคัดเลือกให้เหลือเพียง 10 ผลงาน เพื่อเข้าร่วมการพรีเซนต์ผลงานจริงกับทางคณะกรรมการ พร้อมทั้งรับฟังข้อชี้แนะต่างๆ เพื่อนำไปปรับปรุงผลงาน ก่อนการตัดสินรอบสุดท้าย
คุณสุภัทรา คูรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ภายใต้ บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ10 ทีม ที่เข้าร่วมงานว่า "ทางฟิชโช มีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่น้องๆนักศึกษาให้ความร่วมมือกับโครงการนี้เป็นอย่างดี ทางฟิชโชหวังว่าสิ่งที่น้องๆได้รับกลับไปหลังจากจบโครงการ จะช่วยให้น้องๆได้รู้เบื้องหลังการทำงานของอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝัน ได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้ทราบหลักการทำงานในวงการโฆษณาจากท่านวิทยากรทั้ง 4 ท่าน (คุณวีรยุทธ ล้อทองพานิชย์ จาก Wink Wink Production, คุณหมิ่น-วิบูลย์ ลีภักดิ์ปรีดา กับ คุณเล็ก-พรรษพล ลิมปิศิริสันต์ จาก Monday และคุณภัทร วิชชุภานนท์ จาก พิกเซล เซรั่ม) นอกจากนั้นสิ่งที่ฟิชโชมองเห็นความสำคัญคือการให้ความรู้แบบยั่งยืน และการมอบเครื่องมือประกอบอาชีพ เปรียบเสมือนน้องๆแข่งตกปลา แทนที่ฟิชโชจะปล่อยให้น้องๆตกปลากันเอง ไม่สอนอะไรเลย แต่ฟิชโชเลือกวิธีให้คันเบ็ดและเหยื่อ พร้อมทั้งสอนวิธีตกปลาที่ถูกต้อง เพื่อที่น้องๆจะสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้กลายเป็นวิธีของตัวเอง ในอนาคตน้องๆยังสามารถเอาความรู้ในจุดนี้ไปต่อยอดได้อีกไม่รู้จบ"
นายวรวุฒิ ภู่โคกหวาย ตัวแทนทีมลงพุงฟิล์ม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ กล่าวความรู้สึกและเล่าความเป็นมาของผลงานว่า "ดีใจและตื่นเต้นมากๆ ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องขอขอบคุณ ทั้งคอมเมนต์จากคณะกรรมการ คำปรึกษาจากท่านอาจารย์ที่คอยดูแลพวกเรามาตลอด และที่สำคัญคือขอบคุณ ฟิชโชที่จัดโครงการดีๆ แบบนี้ขึ้นมาครับ นอกจากเปิดโอกาสแล้ว ยังให้ความรู้ วิธีการทำหนังโฆษณา ทำให้พวกผมได้สัมผัสกับเบื้องหลังการทำหนังโฆษณาจริงๆ ได้ลงมือทำจริงๆ ในส่วนตัวหนังของเรา เราเล่นกับเฟรมภาพที่เป็นแนวนอน และมีความแคบ เพื่อสื่อสารไปยังฟิชโช ซึ่งเป็นปลาแผ่นบดสี่เหลี่ยม พอเรานำไปเสนอให้คณะกรรมการดู ท่านก็ชอบในไอเดียที่มาเล่นกับเฟรมภาพ โดยมีการปรับแก้ไม่มากในการทำหนังโฆษณาตัวล่าสุด และหลังจากได้คอมเมนต์ของคณะกรรมการทำให้ทีมผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญในสิ่งเล็กๆน้อยๆ รายละเอียดที่เรามองข้ามไป แต่คณะกรรมการกลับมองว่ามันสำคัญ เลยช่วยให้เรามองอะไรในภาพที่กว้างขึ้น พยายามคิดให้มากขึ้น ถ้าคิดได้มากในระดับหนึ่ง เราจะต้องคิดให้มากขึ้นไปอีก เพราะอาจจะมีคนที่คิดได้เหมือนเรา เราต้องคิดให้เหนือกว่า แล้วเราจะมีความโดดเด่น แตกต่าง และไม่เหมือนใคร"
นายณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ ตัวแทนทีมจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ทีมที่คว้าไปถึง 2 รางวัล ได้แก่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และ รางวัล Like & Share เสียงโหวตจากโซเชียล ซึ่งมีเสียงโหวต Like & Share บนโลกออนไลน์กว่า 65,401 shares ได้กล่าวถึงความในใจว่า "รู้สึกดี คุ้มค่าเหนื่อยกับแรงทั้งหมดที่พวกเราลงกันไป ถือว่ามาไกลมากๆ สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากโครงการนี้มีเยอะมาก ได้เรียนรู้ว่าวงการโฆษณาเค้าทำงานกันจริงๆอย่างไร ได้รู้จักเบื้องหลังการทำงานในวงการโฆษณา ในกิจกรรมพรีเซนต์ผลงานจริงกับทางคณะกรรมการ ทางคณะกรรมการก็คอมเมนต์กันตรงๆ แรง ๆ และเป็นเสียงเดียวเลยกันครับว่า ถ่ายใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะทำให้เราได้กลับมามองตัวเองว่า เราทำเต็มที่แล้วหรือยัง พอเราเอางานของเราไปเทียบกับทีมอื่นๆ ทำให้รู้เลยว่าเราตัวเล็กมาก และห่างไกลกับทีมอื่นๆมาก เพราะผลงานของเราโปรดักชั่นหยาบ ทำให้ออกมาดูไม่ดี เหมือนเราทำงานให้มันเป็นงานนักศึกษาซึ่งมันเป็นหนังโฆษณาจริงๆไม่ได้ เราเลยไปปรึกษาเรื่องโปรดักชั่นกับท่านอาจารย์และผู้มีความรู้ต่างๆ เลยได้ปรับแก้และถ่ายทำใหม่ออกมาเป็นผลงานตัวล่าสุดนี้ครับ ต้องขอขอบคุณโครงการของฟิชโช เป็นโครงการที่ดีมากๆครับ นอกจากเปิดพื้นที่ให้เราได้แสดงออกแล้ว ยังมีการเวิร์คช็อปให้ความรู้การทำหนังโฆษณาอีก ซึ่งหาไม่ได้จากโครงการไหนอีกแล้วครับ"
ด้านคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติซึ่งคร่ำหวอดในวงการการทำภาพยนตร์โฆษณาอย่าง คุณวีรยุทธ ล้อทองพานิชย์ หรือ อู๋ Wink Wink โปรดิวเซอร์มือทองระดับตำนาน กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า "โครงการนี้ถือว่าเป็นบันไดขั้นแรกที่จะเริ่มคัดเลือกตัวจริงเข้ามาสู่วงการโฆษณา ขอชื่นชมทั้ง 209 ทีม ที่ส่งเข้ามานะครับ และผลงานเหล่านี้จะช่วยยกระดับพวกคุณได้ ในเวลาที่เรียนจบและไปสมัครงาน เป็นใบเบิกทางที่ดีมากของพวกคุณ ผมไม่เคยสนใจว่าเด็กคนนั้นคนนี้ จบอะไรมา ไม่เคยสนใจว่าได้เกรดเท่าไหร่ แต่ผมสนใจว่าพวกคุณเคยทำอะไรมา ผลงานพวกนี้ถ้าคุณแนบไปกับใบสมัครงาน มันจะมีเสน่ห์มาก ดังนั้นจงตั้งใจเก็บสะสมประสบการณ์ไว้ให้มากที่สุดนะครับ มันช่วยเราได้เยอะในการทำงาน สุดท้ายนี้ อยากให้กลับไปดูผลงานของทีมที่เข้ารอบทั้ง 10 ทีม ด้วยใจที่เป็นกลาง เปิดใจให้กว้าง และดูว่าเค้ามีดีกว่าเราตรงไหน อย่าใช้อีโก้ มันจะทำให้เรามองไม่เห็น"
ด้าน คุณหมิ่น-วิบูลย์ ลีภักดิ์ปรีดา และ คุณเล็ก-พรรษพล ลิมปิศิริสันต์ ครีเอทีฟคู่หูจาก Monday ซึ่งไปคว้ารางวัล Gold Lion จากงาน Cannes Lions ที่ผ่านมากล่าวภายในงานนี้ว่า "งานทุกชิ้นดีขึ้น หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการ แต่ทั้ง 10 ผลงาน จริง ๆ แล้วยังไม่มีผลงานที่เพอร์เฟ็ค แต่อาจจะเป็นงานที่มีมุมมองที่ชัดเจนที่สุดจึงได้รับรางวัล เมื่อตอนที่พวกพี่ยังเป็นนักศึกษาแบบน้องๆ พี่ก็ส่งผลงานเข้าประกวดเหมือนกัน แล้วก็โดนคณะกรรมการคอมเมนต์แรงๆ เหมือนที่น้องน้องโดน พวกพี่ก็รู้สึกว่า คอมเมนต์อะไรฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลย เราก็ทำดีแล้วนะ นี่มันหนังวัยรุ่นนะ คณะกรรมการเป็นผู้ใหญ่ อาจจะแก่เกินไปแล้วเลยไม่เข้าใจ ณ ตอนนั้นพวกพี่คิดกันแบบนั้น แต่พอมาทำงานจริงๆ แล้วเราเข้าใจในคอมเมนต์ของคณะกรรมการทุกอย่างเลยว่า ผลงานที่พวกพี่ทำส่งประกวดนั้น มันไม่สมควรเรียกว่าเป็นหนังโฆษณา เพราะมันยังไม่ถึงขั้น อีกอย่างถึงพวกพี่ๆจะได้รับรางวัลในการทำงานเยอะก็จริง แต่อยากจะบอกว่าในอดีตที่ผ่านมา พวกพี่ก็เคยเป็นทีมที่ตกรอบมาตลอด เป็นทีมแรกๆที่เค้าเรียกให้ตกรอบเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังเดินหน้าทำในสิ่งที่เรารักต่อไป เก็บเอาคำแนะนำจากคณะกรรมการไว้ เอามาปรับปรุง จนสามารถยืนอยู่ในวงการโฆษณาได้ในทุกวันนี้"