กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--กทม.
ที่ห้องประชุมใหญ่ อาคาร 4 โรงกลั่นน้ำมันบางจาก เขตพระโขนง นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานสภาสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ ดร.พิจิตต รัตตกุล รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในโอกาสที่ได้รับรางวัล “ผู้มุ่งมั่นในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เติมชีวิตให้เมือง” โดยมีร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักสวัสดิการสังคม พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการสำนักสวัสดิการสังคม และผู้อำนวยการเขต ร่วมในพิธี
ดร.จำเนียร วรรัตน์ชัยพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมภาคสนาม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อมในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนที่มีภารกิจในการประสานส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือ จากทุกฝ่ายในการจัดการสิ่งแวดล้อมได้ให้ควาามสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่สีเขียวเพื่อให้เป็น “ป่าของเมือง” มาโดยตลอด จึงได้ร่วมกันจัดโครงการประกาศเกียรติคุณแก่บุคคลและหน่วยงานที่ได้ดำเนินงานเป็นคุณูปการในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เป็นปีแรก และได้ยกย่องให้ ดร.พิจิตต รัตตกุล เป็น “ผู้มุ่งมั่นในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เติมชีวิตให้เมือง” ในฐานะที่เป็นผู้นำคณะดำเนินงานอย่างมีวิสัยทัศน์ รวมทั้งมีนโยบายและแผนที่ชัดเจนในการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองน่าอยู่ ด้วยกลยุทธ์การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติจนเกิดผลเป็นที่ปรากฏแก่สังคม และกระตุ้นให้เกิดการขยายผลไปสู่พื้นที่เมืองอื่นๆ ต่อไปอีก
ดร.พิจิตต ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตั้งแต่ พ.ศ. 2539 มีเจตนารมย์แน่วแน่ในการ “เติมชีวิตให้เมือง” ตามนโยบายที่ได้ประกาศและให้ไว้กับประชาชน ซึ่งการรักษาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตพื้นที่กทม. ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้ปรากฏเป็นรูปธรรม โดยพื้นที่สีเขียวทั่วกทม. เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดิม 1 ตร.ม./ประชากร 1 คน ในปี 2539 เป็นประมาณ 1.5 ตร.ม./ประชากร 1 คน ในปี 2543 หรือคิดเป็น 5,000 ไร่ ด้วยจำนวนต้นไม้ที่ปลูกเพิ่มขึ้นมากกว่า 400,000 ต้น นับเป็นการพัฒนาพื้นที่สีเขียวเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี สร้างเมืองให้น่าอยู่ และเตรียมเมืองเพื่อรองรับการพัฒนาอย่างมีดุลยภาพต่อไปในอนาคต
นายอานันท์ กล่าวด้วยว่า ดร.พิจิตต รัตตกุล เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมและพัฒนาเมืองที่ยึดหลักการความน่าอยู่และความยั่งยืนของเมืองเป็นพื้นฐาน โดยได้ดำเนินนโยบายสร้างพื้นที่สีเขียวให้แก่กทม. อย่างมุ่งมั่นและจริงจัง จนทำให้หลายพื้นที่ของกทม. เปลี่ยนจากสีน้ำตาลแห้งแล้งเป็นสีเขียวสดใสได้อย่างน่าชื่นชม แต่อย่างไรก็ตามมหานครสีเขียวอันจะนำมาซึ่งสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมืองนั้นมิอาจดำรงอยู่อย่างยั่งยืนได้ หากขาดการสานต่อทั้งด้านวิสัยทัศน์ และนโยบาย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ว่าฯกทม. คนต่อไป จะต้องเอาใจใส่ในเรื่องดังกล่าวให้มาก
ด้าน ดร.พิจิตต กล่าวว่า ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครควรจะได้รับรางวัลนี้ เพราะเป็นผู้ลงมือทำ ต้องต่อสู้กับอุปสรรคนานัประการกว่าจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวจำนวนมากให้กับเมือง สำหรับตนเป็นเพียงผู้มารับรางวัลแทนเท่านั้น โอกาสนี้ตนขอฝากถึงผู้ว่าฯกทม. คนใหม่ว่า อย่าคิดถึงแต่เรื่องการแก้ปัญหาจราจร หรือการก่อสร้างด้านวัตถุ ขอให้คิดถึงเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย--จบ--
-นศ-