กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--อย.
1. อย.ไทย ยืนยันเคารพในสิทธิของทุกประเทศ ทั้งตามกฎหมายสิทธิบัตรของประเทศไทย และตามพันธกรณีทั้งในรูปทวิภาคี และพหุภาคี ที่รัฐบาลทำไว้กับนานาประเทศ
2. มติคณะกรรมการยา เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2544 มีหลักการสำคัญ เพื่อแยกระบบการดูแลความปลอดภัยของยา มิให้นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการผูกขาดยาเกินกว่าที่สมควร หรือเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด มติดังกล่าวมิได้มีผลกระทบใดๆ ต่อสิทธิบัตรยาตามกฎหมายสิทธิบัตรของไทย หรือของสากล
3. มติคณะกรรมการยาดังกล่าว ยังคงคุ้มครองสิทธิผูกขาดยา ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2536 และวันที่ 21 กันยายน 2536 ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีที่ไทยต้องปฏิบัติตาม "ข้อชี้แนะ" ของสหรัฐรวมทั้งต่อประเทศอื่นเพื่อมิให้เป็นการเลือกปฏิบัติ การผูกขาดดังกล่าว แท้ที่จริงแล้ว เป็นสิทธิที่เกินกว่ากฎหมายสิทธิบัตรของไทยให้ความคุ้มครองถึง แต่ด้วยพิจารณาเห็นว่าสิทธิดังกล่าว น่าจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ยาไม่มากชนิด คณะกรรมการยา จึงมีมติไม่เรียกร้องให้มีการยกเลิกสิทธิดังกล่าว เพราะไม่ต้องการให้ประเทศที่มีสิทธิพิเศษนี้นำไปเป็นข้ออ้างในการขอสิทธิอื่นแลกเปลี่ยนโดยไม่สมควร
อย่างไรก็ดี เพื่อให้มีข้อมูลในการวางแผนดำเนินงานและเพื่อมิให้มีการแอบอ้างสิทธิ คณะกรรมการยาจึงมีมติให้ผู้ประสงค์จะใช้สิทธิดังกล่าว แจ้งรายการผลิตภัณฑ์ยาที่จะขอใช้สิทธิต่อ อย.ภายในกำหนด 180 วัน พ้นจากนั้นแล้วหากไม่แจ้ง จะถือว่าสละสิทธิ์
4. ในฐานะที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ และร่ำรวยกว่าไทยมาก และในภาวะที่ประเทศไทยยังคงบอบช้ำจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามคำแถลงที่น่าชื่นชมของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยูบุช ที่แถลงในพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เรียกร้องให้ประชาชนอเมริกันเพิ่มพูนความเอื้ออารี (Compassion) ต่อเพื่อนมนุษย์ อย.ไทย ขอเสนอแนะให้รัฐบาลสหรัฐพิจารณายกเลิกการใช้สิทธิตามข้อ 3 โดยความสมัครใจเพื่อผดุงสัมพันธไมตรีอันดีที่มีนาช้านานระหว่างสหรัฐและไทย รวมทั้งเพื่อแสดงความจริงใจ และแสดงออกถึงรูปธรรมที่แท้จริงในเรื่องของความเอื้ออารีที่ประธานาธิบดีสหรัฐเองได้ประกาศต่อชาวโลก--จบ--
-อน-