กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--IR network
กูรูแนะนำ "ซื้อ" หุ้นบมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW ) ให้ราคาเป้าหมายที่ 16.70 บาท มองยังเป็นดาวเด่น จากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ปันผลจูงใจ เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งสูงถึง 65% ออเดอร์เข้าต่อเนื่องตามการฟื้นต้วของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) โดยระบุว่า จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 13% ในรอบ 2 เดือนทั้งที่ผลประกอบการปีนี้สดใส ส่วนสำคัญมาจากราคาเหล็กซึ่งเป็นต้นทุนหลักราว 50-60% ของต้นทุนรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 60% YTD แต่ด้วยความที่ ARROW มีการสต็อกเหล็กล่วงหน้าไว้แล้วกว่า 6 เดือน มากกว่าช่วงเวลาปกติที่จะสต็อกไว้ 3 เดือน ขณะที่ความป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งสูงถึง 65% ทำให้สามารถผลักภาระให้กับลูกค้าผ่านการปรับราคาได้บางส่วน จึงทำให้คาดว่า ARROW จะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงที่ 35.5-36.0% เหมือนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 3Q15 ได้ต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มหลังจากนี้ต่อให้ราคาเหล็กยังเพิ่มต่อ ก็คาดว่าจะกระทบไม่มากเช่นเดิม เพราะนอกจากจะปรับราคาขึ้นได้แล้ว ยังถูกชดเชยจากยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย
ส่วนผลประกอบการ 2Q16 ที่เป็น Low Season อาจไม่แย่เหมือนทุกปี ปกติ 2Q16 จะเป็น Low Season จากการมีวันหยุดมากในเดือน เม.ย. 16 แต่เพราะปีนี้สินค้าท่ออ่อนกันน้ำที่ใช้ในกลุ่มสื่อสาร (15% ของรายได้รวม) ยังผลิตเต็มกำลัง แม้จะขยายเพิ่มแล้วกว่า 15% ส่วนท่อร้อยสายไฟที่เป็นรายได้หลักก็ฟื้นตัวเร็วตั้งแต่กลาง พ.ค. 16 และเป็นไปได้ที่ มิ.ย. 16 จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ ทำให้รายได้และกำไรใน 2Q16 อาจไม่ลงแรง 15-20% Q-Q เหมือนอดีต โดยเบื้องต้น เราคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงเพียง 3% และ 5% Q-Q ตามลำดับ ซึ่งเมื่อเทียบ Y-Y แล้วน่าจะได้เห็นการเติบโตในระดับ 15-17% (ดีกว่า 1Q16 ที่โต 12% Y-Y) ปีนี้อาจดีกว่าคาดจากบริษัทลูกที่โตเร็วและงานโครงสร้างพื้นฐานที่ขยับแรง
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะได้เห็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น Y-Y ใช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยต่อให้ยอดขายกลับมาทรุดตัว กำไรก็จะไม่ตกเพราะมีการรับรู้รายได้งานวางระบบของบริษัทลูก (ถือหุ้นในเมฆา-เอส 65%) ซึ่งมีงานในมือกว่า 250 ล้านบาท (สูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัท) ขณะที่ การขยายตัวของกลุ่มสื่อสารและงานโครงสร้างพื้นฐานที่อนุมัติก่อนหน้านี้ จะทำให้ยอดขายรายเดือนมีแนวโน้มสร้างจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง กำไร 2Q16 ที่มีแนวโน้มสดใสจึงเป็นเพียงจุดต่ำสุดของปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE2016 เพียง 13 เท่า ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ 20 เท่า ซึ่งมองว่าประมาณการกำไรสุทธิที่ 264 ล้านบาท +8% Y-Y ถือเป็นกรณีแย่สุดแล้ว ขณะที่ ถ้าอิง Ke ที่ 11% และ PE 16 เท่า แล้วคิดลดกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน เท่ากับว่าตลาดคาดอัตราการเติบโตของกำไรในช่วง 5 ปีข้างหน้าเพียง 6% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำมาก และไม่สอดคล้องกับงานโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐฯพยายามกระตุ้นให้เกิดขึ้นเร็ว เมื่อผนวกกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และปันผลจูงใจราว 5% ต่อปี Downside ในการลงทุนที่ราคานี้จึงถือว่าต่ำมาก แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 16.70 บาท