กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--
"ยันฮี" ชี้ประเทศไทยขึ้นแท่นแชมป์ 1 ใน 3 การผ่าตัดแปลงเพศชั้นแนวหน้าของเอเชีย ต่างประเทศให้การยอมรับ โดดเด่นทั้งฝีมือแพทย์ประณีต ราคาไม่แพง บริการเป็นเลิศ คาดสิ้นปีมีลูกค้าแปลงเพศโตขึ้น 10 %
นพ.กรีชาติ พรสินสิริรักษ์ หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลยันฮี กล่าวถึงสถานการณ์การแปลงเพศของประเทศไทยในปัจจุบันว่า มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับการยอมรับจากทั้งชาวไทยและต่างชาติว่า แพทย์ไทยเป็นผู้ที่มีฝีมือประณีต มีความเชี่ยวชาญจนเป็นที่ยอมรับ คาดว่า ภายในปีนี้ ยันฮีจะเป็นโรงพยาบาลที่มีจำนวนผู้แปลงเพศมากที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย หรือจำนวนยอดผู้แปลงเพศ รวมทั้งสิ้น 1,500 รายตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศ และคาดว่า ภายในสิ้นปี จะมีผู้มารับการแปลงเพศเพิ่มอีก 10 %
สำหรับในส่วนของโรงพยาบาลยันฮีนั้น มีการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงและผ่าตัดรักษาด้านความสวยความงามอย่างครบวงจรมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี พร้อมด้วยแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทางจำนวนทั้งสิ้น 16 ท่าน นับว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีจำนวนแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งมากที่สุดในประเทศ และทุกท่านล้วนเป็นสมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย นอกจากนั้น ยังมีความพร้อมในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ยันฮีเป็นโรงพยาบาลระดับมาตรฐานสากล และที่สำคัญยังได้รับการรับรองจาก JCI (The Joint Commission International) ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลรักษาพยาบาลให้กับสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
นพ.กรีชาติ กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาบุคคลที่มีคุณสมบัติและสภาวะจิตใจที่พร้อมต่อการเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ จะต้องรับการตรวจและทดสอบจากจิตแพทย์ว่า มีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ได้ดำรงชีวิตแบบหญิงติดต่อกันกว่า 1 ปี ขึ้นไป 2. เคยใช้ชีวิตเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์ที่คนรอบข้างยอมรับได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่มีความกดดันใด ๆ 3. มีความรู้สึกเป็นหญิงมานานแล้ว หรืออาจจะเริ่มตั้งแต่จำความได้ 4. มีความรู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศชายของตัวเอง และคิดว่ามันเป็นของส่วนเกิน 5. มีความรู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมของพวกรักร่วมเพศ 6. เคยรับประทานฮอร์โมนเพศหญิงมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในรูปของยารับประทาน หรือยาฉีด เพราะโดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่ได้ตั้งใจจริงที่ต้องการจะเป็นหญิง คงไม่มีผู้ชายคนใดที่นำยาฮอร์โมนเพศหญิงมารับประทาน 7. ได้ผ่านการประเมินสภาพจิตใจว่าอยู่ในภาวะที่ปกติและพร้อมต่อการผ่าตัดโดยจิตแพทย์ และให้ใบรับรอง สำหรับการผ่าตัดอย่างถูกต้องตามหลักการทดสอบสภาพจิต
สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผ่าตัดแปลงเพศ คือ บทความจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้กล่าวไว้ว่า สาเหตุที่มีจำนวนคนข้ามเพศมากขึ้น เนื่องจากสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้มีการรับรู้เรื่องราวเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงทัศนคติ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ ได้รับการยอมรับและมีการเปิดเผยตัวตนมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังระบุว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการแปลงเพศมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่ง เพราะฝีมือแพทย์ที่มีทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผ่าตัด ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงามมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในแต่ละปี สามารถดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติเข้าประเทศได้กว่า 2 ล้านคน สร้างรายได้ 140,000 ล้านบาท และ ชาวต่างชาติที่เข้ามารับการผ่าตัดส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย เป็นเพราะแพทย์ไทยผ่าตัดได้ผลดีออกมาสร้างความพึงพอใจ ให้กับผู้ข้ารับการผ่าตัดได้เต็มที่และปลอดภัยด้วย
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดแปลงเพศ เป็นเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต ซึ่งไม่สามารถกลับมาในเพศเดิมได้อีก ดังนั้น การศึกษาหาข้อมูลและเลือกปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ รวมถึงต้องทำในโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด เพื่อความสมบูรณ์ตามเพศที่ต้องการ และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข