กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
สพฉ.จับมือ สปสช. และกรมการปกครอง จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครอง และฐานข้อมูลสุขภาพของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หวังช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ที่ห้องประชุม 601 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครอง และฐานข้อมูลสุขภาพของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระหว่างกรมการปกครอง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสพฉ.กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้นั้นถือเป็นก้าวอย่างครั้งสำคัญของการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินโดยทั้งสามหน่วยงานจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แต่ละหน่วยงานจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มาใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลที่ต้องการตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ตามอำนาจหน้าที่ที่ระบุไว้ในกฎหมาย โดยสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครองได้อนุญาตให้ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง ซึ่งสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ได้ดำเนินการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล และปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ด้วยวิธีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติก็อนุญาตให้ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เข้าถึงข้อมูลสิทธิการรักษาพยาบาล ข้อมูลสุขภาพบุคคล และข้อมูลสถานพยาบาลตามสิทธิ ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ดำเนินการรวบรวมและจัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ด้วยวิธีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ด้วยเช่นกัน
"ทั้งนี้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จะดำเนินการใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง และข้อมูลจากฐานข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เฉพาะในภารกิจด้านการแพทย์ฉุกเฉินเท่านั้น โดยจะมีการแจ้งรายชื่อ และเลขประจำตัวประชาชนของเจ้าหน้าที่ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ แต่งตั้งให้รับผิดชอบในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อให้หน่วยงานทั้งสองอนุญาตให้ใช้งานก่อน รวมถึงให้มีการรายงานผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกเดือนด้วย ซึ่งการที่ทั้งสองหน่วยงานอนุญาตให้สพฉ.เข้าถึงข้อมูลในลักษณะนี้จะช่วยให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย"เลขาธิการสพฉ.กล่าว