CMO GROUP จัดงานครบรอบ 30 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านครีเอทีฟอีเว้นท์ของไทย เปิดแผน 3 ปี รุกธุรกิจจับกลุ่มนักท่องเที่ยว สู่รายได้ 2,000 ล้านบาท

ข่าวบันเทิง Monday July 4, 2016 15:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--ซีเอ็มโอ "ซีเอ็มโอกรุ๊ป"ฉลองครบรอบ 30 ปี จัดงานใหญ่โชว์ศักยภาพงานครีเอทีฟไทย ภายใต้ชื่อ "30 ปี CMO Group - The Endless Evolution" ชูไฮไลท์ตื่นตาตื่นใจไปกับ "The Mask" การสร้างสรรค์งานศิลปะบนใบหน้า ด้วยเทคนิค "Face Mapping" ครั้งแรกในประเทศไทย พบกัน 2-10 ก.ค.นี้ ณ ลานพาร์คพารากอน พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจ 3 ปี สู่ธุรกิจ 2,000 ล้านบาท ประกาศความเป็นผู้นำธุรกิจอีเว้นท์อันดับ 1ของไทย นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน ครอบคลุมธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า ในปีนี้กลุ่มบริษัท CMO ครบรอบ 30 ปี ของการก่อตั้งธุรกิจ ประกาศความเป็นผู้นำครีเอทีฟอีเว้นท์อันดับ 1 ของประเทศ จัดงาน "30 ปี CMO Group - The Endless Evolution" โชว์ศักยภาพงานครีเอทีฟของไทย โดยงานนี้เป็นงานแสดงไอเดีย ด้วยเทคโนโลยีระบบภาพ แสง เสียง และมัลติมีเดียที่ทันสมัยที่ใช้ในงานอีเว้นท์ระดับโลก นำมาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ โดยฝีมือคนไทยนำมาจัดแสดงให้ ผู้เข้าร่วมชมงานได้มีประสบการณ์ร่วมกันครั้งแรกในไทย สำหรับงาน "30 ปี CMO Group - The Endless Evolution"จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2-10 กรกฎาคม2559 สำหรับวันธรรมดางานเริ่ม 15.00-21.30 น. และในวันเสาร์-อาทิตย์เริ่มเวลา 11.00-21.30 น. ณ ลานพาร์คพารากอน (Parc Paragon) ศูนย์การค้าสยามพารากอน "บริษัทฯ แบ่งโซนจัดแสดงภายใน "CMO TIME BOX" ซึ่งเป็นโครงสร้างขนาดยักษ์ ที่หุ้มด้วยพลาสติกใส บนพื้นที่กว่า 550 ตารางเมตร เพื่อที่จะแสดงศักยภาพธุรกิจงานครีเอทีฟของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์กับสายตาของคนทั้งประเทศ ตลอดจนมุ่งหวังให้เกิดปรากฎการณ์ใหม่ๆ ให้กับวงการธุรกิจสร้างสรรค์ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเรื่องของงานอีเว้นท์ และนวัตกรรมการออกแบบเทคโนโลยี ระบบภาพ แสง เสียง พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าชมทั่วไปอีกด้วย โดยไฮไลท์ของงานที่น่าสนใจ ได้แก่ "The Mask" การสร้างสรรค์งานศิลปะบนใบหน้า ด้วยเทคนิค "Face Mapping" ครั้งแรกในประเทศไทย" นายเสริมคุณ กล่าว สำหรับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (พ.ศ.2559 -2561) บริษัทฯ จะดำเนินงานตามแผนธุรกิจ โดยแบ่งเป็น 3 กลยุทธ์หลักๆ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1. รักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอีเว้นท์ เอเจนซี่ อันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถ และศักยภาพของบุคลากรให้มีไอเดียสร้างสรรค์ ใหม่ๆ เพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าตลอดจนนำเทคนิคที่ทันสมัยมาใช้ในธุรกิจ ทั้งในแง่ของการเป็นผู้บริหารการจัดงาน และในกลุ่มของงานด้านบริการระบบภาพ แสงและเสียง แบบครบวงจร ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ โดยมีผลงานทั้งในกลุ่มงานอีเว้นท์ด้านกีฬา และกลุ่มงานคอนเสิร์ต อาทิ ซัพพลายด้านระบบภาพแสงและเสียงในการแข่งขันมวยไทยนานาชาติ THAI FIGHT,การแข่งขันเทเบิลเทนนิส ชิงชนะเลิศแห่งทวีปเอเชีย และคอนเสิร์ตในกลุ่มของ บีอีซี เทโร (BEC TERO) ทั้งศิลปินไทย และต่างประเทศ อีกด้วย กลยุทธ์ที่ 2. ดำเนินงานพัฒนาธุรกิจที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว (Tourist Attraction) เพื่อสร้างรายได้ประจำให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจในรูปแบบนี้2 ธุรกิจ ด้วยกัน ได้แก่ "หิมพานต์ อวตาร" ซึ่งเป็นการแสดงวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ผสานเทคโนโลยีทันสมัย ในรูปแบบ 4 มิติ ที่สำคัญคือยังนำเสนอปรากฏการณ์ใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า The Spectacular Walk Through 4DExperience ครั้งแรกของไทยและอาเซียน ทำให้ผู้เข้าร่วมชมเสมือนหนึ่งเดินทางท่องโลกแห่งจินตนาการ โดยจะตั้งอยู่ที่ Show DC ย่านพระราม9 นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจสวนสนุก "อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์" (Imaginia Playland) ที่เที่ยวสำหรับเด็กตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม กลยุทธ์ที่ 3. พัฒนาธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ (Entertainment) และไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) มากขึ้น เพื่อสอดรับกับ แนวโน้มของเทรนด์การจัดอีเว้นท์ที่เริ่มจะนำเอาเรื่องของ Lifestyle ไม่ว่าจะเป็นความสนใจในเรื่องของศิลปะ,แฟชั่น,ปาร์ตี้ เข้ามามีบทบาทในการนำเสนองานมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีหน่วยงานที่ทำงานในด้านนี้ อยู่แล้ว ได้แก่มิวส์ คอร์ปอร์เรชั่น และ โมเมนตัม เอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตลาดอีเวนท์ในประเทศไทยยังคงทรงตัว เติบโตไม่ถึง 5% เนื่องจากทางภาครัฐและเอกชนชะลอการใช้เงิน แต่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะมีแน้วโน้มที่ดีขึ้น โดยจะเติบโตมาจากการจัดมหกรรมอีเว้นท์ กระตุ้นยอดขายของอุตสาหกรรมรถยนต์ และ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของ CMO บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 59 อยู่ที่ 1,400 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเป็น 2,000 ล้านบาท ใน ปี 2561 แบ่งเป็นอีเวนท์ 70% และธุรกิจใหม่ 30% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีงานอีเว้นท์ที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ตลอดทั้งปีนี้ มูลค่าประมาณ 850 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้รายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ