กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
กรมบัญชีกลางร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ผลักดันโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ วงเงิน 35,000 ล้านบาท ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ สอดคล้องกับความต้องการของหมู่บ้านและชุมชนมือง รวมถึงเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการร่วมมือระหว่างกรมบัญชีกลางกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เพื่อพัฒนาศักยภาพกองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ และคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การขอรับจัดสรรเงินตามโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ วงเงิน 35,000 ล้านบาท และมีความพร้อมที่จะได้รับการสนับสนุนเงินจากรัฐบาลในอนาคต เพื่อเป็นการยกระดับกองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองทุกแห่งให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างการจัดทำ VDO ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบบัญชีฯ และการตรวจสอบภายใน พร้อมทั้งจะจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับการจัดทำบัญชี และการตรวจสอบภายใน ให้กับบุคลากรของคลังเขตและคลังจังหวัด ในช่วงประมาณกลางเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับบุคลากรของ สทบ. ภาคีเครือข่าย และอาสาประชารัฐ ให้มีความรู้ ความเข้าใจในระบบบัญชีฯ และการตรวจสอบภายใน พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำ กำกับดูแล ติดตามประเมินผลการดำเนินงานให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสม โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
นอกจากนี้ จะจัดทำ VDO เกี่ยวกับการติดตาม ประเมินผล เพื่อใช้ในการประเมินความสำเร็จของการดำเนินงานตามโครงการฯ ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง มีความโปร่งใส ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยกรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้คลังจังหวัดลงพื้นที่ เพื่อสำรวจผลการดำเนินงานว่าประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนา และโครงการดังกล่าวฯ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่หรือไม่
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการงานตามโครงการฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่เปิดทางไปสู่มิติใหม่ของการกำกับดูแล ส่งเสริมการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน เพื่อให้การดำเนินงานของทุนหมุนเวียนเป็นกลไกหลักที่สำคัญที่ตอบสนองความต้องการของรัฐบาลอย่างแท้จริง ส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการของภาครัฐได้สะดวกและเท่าเทียม พร้อมขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับการปฏิรูปและแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ของรัฐบาล และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ทั้งในแง่ของสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการวางรากฐานสู่อนาคต และถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของกรมบัญชีกลาง
"เมื่อหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองมีความเข้มแข็ง มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสพัฒนาความเป็นอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถือเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมศักยภาพในการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ในหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองให้ดีขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล" นายมนัส กล่าว