กรุงเทพฯ--6 ก.ค.--ซิน คัมปานี
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จับมือผู้ประกอบการ 10 ราย เดินหน้าโครงการ "รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์" ปี 2 หลังเปิดตัวโครงการฯ ไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว สร้างปรากฏการณ์คนไทย "เปลี่ยน" ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5 ประหยัดทั้งประเทศ
ในช่วงเดือนเมษายนต่อเนื่องจนถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นหลายระลอก โดยยอดการใช้ไฟสูงสุดเกินกว่าเป้าที่ประมาณการไว้ พีคไฟฟ้าครั้งล่าสุดของปีนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 เวลา 22.28 น. อยู่ที่ 29,618.8 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นสถิติพีคที่เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ถึง 2,273 เมกะวัตต์ และเป็นพีคที่เกิดขึ้นต่างจากช่วงเวลาเดิมที่เคยพีคช่วงบ่าย ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจึงได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ช่วยกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อลดปริมาณพีคไฟฟ้าของประเทศ โดยเริ่มนำร่องจากเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงการเดินหน้าโครงการ "รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์" ปี 2 ว่า ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการรวมถึงภาคประชาชน มั่นใจสร้างแรงกระตุ้นคนไทย "เปลี่ยน" ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 ชูหลอดไฟ LED เครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูง เป็นคู่หัวหอกผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าใหม่ ตั้งเป้าสามารถลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ได้ทั้งประเทศ
"สนพ. ได้รณรงค์ผ่านโครงการ "รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์" ปี 2 โดยได้เปิดโครงการไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยการสร้างแรงจูงใจในการ เลือกซื้อ เปลี่ยนมาใช้ และบอกต่อ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนของประเทศ ซึ่งได้มีการลงนามความร่วมมือ 10 บริษัทชั้นนำ ทั้งห้างสรรพสินค้า ดิสเคาท์สโตร์ โมเดิร์นเทรด ตลอดจนร้านค้าออนไลน์ โดยได้จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดสนับสนุนให้ประชาชนตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคใหม่ที่มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ในการประหยัดพลังงาน ซึ่งตั้งเป้าว่าหากมีการเปลี่ยนใหม่ได้อย่างจริงจังจะสามารถลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ได้ทั้งประเทศในปี 2560
จากนโยบายการส่งเสริมด้านการประหยัดพลังงานจากภาครัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานประกาศแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2558 – 2579 (EEP 2015) ตั้งเป้าหมายว่าจะลดความเข้มการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 ในปี พ.ศ.2579 มาตรการที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ คือ การสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือสลากประสิทธิภาพสูง ที่มีประสิทธิภาพสูงในการประหยัดพลังงาน โดยนำร่องประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการใช้ หลอดไฟ LED และเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูง และจากที่ สนพ. ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษาข้อมูลเชิงสถิติประชาชนกับความสนใจอุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 ผลปรากฏว่าประชาชนมีความตื่นตัวและต้องการเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 กว่าร้อยละ 90 เพราะรับรู้ถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานและอัตราค่าไฟที่ลดลงเมื่อมี การเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าดังกล่าว แต่ยังมีความลังเลไม่กล้าตัดสินใจซื้อเพราะกังวลเรื่องราคา และรอให้มีจังหวะเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จึงตัดสินใจเปลี่ยน
จากข้อมูลการตลาดปัจจุบันพบว่า หลอดไฟ LED มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 30 ของตลาดอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างโดยรวม และคาดว่าในปี พ.ศ.2563 จะมีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 75 ทั้งนี้เนื่องมาจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของหลอดไฟ ฉะนั้น ในปีนี้จึงต้องเร่งสานต่อการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้หลอดไฟ LED ด้วยกลยุทธ์ที่จะผลักดันราคาของหลอดไฟ LED ให้มีราคาต่ำลงเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงหลอดไฟ LED ได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเร่งให้ความรู้เรื่องค่า SEER ในเครื่องปรับอากาศว่ามีความแตกต่างกับเครื่องปรับอากาศรุ่นธรรมดาอย่างไร เหตุที่ประชาชนควรเปลี่ยนเพื่อประสิทธิภาพความคุ้มค่าในระยะยาว อย่างนี้เป็นต้น"
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์ จาก 10 ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ การจัดงานแสดงสินค้า เช่น งาน Home Pro Fair , งานบ้านและสวนแฟร์ Midyear 2016 ,งาน Homework Expo , งาน Electronica , งาน Power Buy Expo ฯลฯ ที่จะทยอยจัดงานตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงสิ้นปี 2559 นี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 ให้เติบโตได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันปรับเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้อย่างจริงจังทั่วประเทศ
สำหรับผู้ประกอบการทั้ง 10 รายที่เข้าร่วม ประกอบด้วย 1.บริษัท เมธีกุลวิศวกรรม จำกัด 2.บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) 3.บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด 4.บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด 5.บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด 6.บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด 7.บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) 8.บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) 9.บริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด 10.บริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด
ทั้งนี้ สนพ.ตั้งเป้าหมายความสำเร็จการรณรงค์โครงการ "รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์" ในปี 2559 นี้ว่า จะสามารถกระตุ้นให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ธุรกิจ SME รวมถึงภาคประชาชนตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ด้วยการลงทุนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าที่ได้ประสิทธิภาพสูงเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศและสร้างความคุ้มค่าในระยะยาว โดยวิธีการ "เปลี่ยนใหม่" พร้อมกระจายข้อมูลบอกต่อความประหยัดไปอย่างกว้างขวาง เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต