กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--บล.เอเชีย เวลท์
บล.เอเชีย เวลท์ คาด ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ทั้งเอเชียและไทยสดใส มองกรอบดัชนีเคลื่อนไหว 1,445-1,465 จุด พร้อมแนะนำหุ้น SPCG ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus ที่ 23.87 บาท
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้น หลังจากที่ตลาดมองข้ามผลกระทบ Brexit ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นทันที โดยนักลงทุนกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นส่งผลให้หุ้นดีดกลับ คาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,445-1,465 จุด หรืออาจปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้ เพราะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ เดือน มิถุนายน ออกมาดีมากที่ระดับ 2.87 แสนคน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.75 แสนคน ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้ตลาดคลายความวิตกเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก จะชะลอลงไป อันเป็นผลจากเรื่อง Brexit ขณะเดียวกัน ตลาดยังลงความเห็นกันว่า เรื่อง Brexit จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะระมัดระวังและจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งการที่ Fed ยังชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ทำให้ตลาดคลายความวิตกในเรื่องของเม็ดเงินที่จะไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ ไปยังตลาดสหรัฐฯ และเกิดผลบวก เพราะเมื่อยุโรปมีปัญหาจากประเด็น Brexit เม็ดเงินจะไหลออกจากยุโรปมายังตลาดหุ้นเอเชีย ทำให้ตลาดมีมุมมองบวกกับตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทย
ด้านผลประกอบการในไตรมาส 2 ของไทย น่าจะประกาศออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1 หรือต่ำกว่าเล็กน้อย เพราะมีหลายธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งสำรองหนี้สงสัญจะสูญ เพิ่มขึ้น ซึ่งมาจากการที่มี NPLs เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ส่วนในอุตสาหกรรมอื่น ตัวเลขน่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่ตัวเลขออกมาดี
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย เวลท์ ยังคงเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังในผลกระทบจาก Brexit ที่น่าจะทยอยออกมาให้เห็น และการที่ Fed จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดอกเบี้ย ก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนอยู่ แต่มุมมองในระยะยาว บล.เอเชีย เวลท์ ยังมองการลงทุนในตลาดหุ้นว่าเป็นบวก โดยเฉพาะหุ้นเอเชีย และไทย โดยหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนจะเป็นหุ้นที่มีเรื่องราวที่ชัดเจน เช่น การเจริญเติบโตดี และพื้นฐานที่ดี
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ เลือก SPCG ของ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 36 โครงการในประเทศไทย มีกำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ซึ่งให้กระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอแน่นอนจากสัญญากับภาครัฐ นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสที่จะขยายไปในต่างประเทศด้วยโดยปัจจุบันได้ร่วมทุนกับพันธมิตรในญี่ปุ่นในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 30 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 และกำลังเจรจาการลงทุนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก 2 -3 โครงการ ด้านทิศทางกำไรสุทธิคาดเติบโตได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่อัตราทบต้นเฉลี่ย 9.3% CAGR (Bloomberg consensus) ด้านปัจจัยพื้นฐาน SPCG มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึง 6-7% ต่อปี และมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) ที่ต่ำเพียง 7.0 เท่า และค่า Beta ที่เพียง 0.6 เท่า จึงเหมาะกับการลงทุนในปัจจุบัน ด้าน Technical เกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิดสัญญาณซื้อรายวัน (Daily Buy Signal) ครั้งใหม่ ราคาเป้าหมายBloomberg consensus ให้ที่ 23.87 บาท