กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์ -
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) แนะนำ 5 บริการฝากส่งสิ่งของระหว่างประเทศ ครอบคลุมทุกความต้องการของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ e-Commerce ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริการอีเอ็มเอสเวิลด์ (EMS World) บริการโลจิสโพสต์เวิลด์ (Logispost World) พัสดุไปรษณีย์ (Parcel Post) บริการไปรษณีย์ลงทะเบียน (Registered) บริการไปรษณีย์รับประกัน (Insured)พร้อมเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการด้วยการตรวจสอบสถานะสิ่งของที่ฝากส่งได้ผ่านแอพลิเคชั่น Track&Trace ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ใช้บริการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือ เว็บไซต์www.thailandpost.co.th
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า "ปัจจุบันความต้องการซื้อขายและขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไปรษณีย์ไทย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งและมีเครือข่ายพันธมิตรครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก พร้อมรองรับและตอบสนองทุกความต้องการจัดส่งสิ่งของระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบเอกสาร (Document) และ สิ่งของ (Package) ให้ถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด
นางสมร กล่าวต่อว่า สำหรับบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่เปิดให้บริการ ได้แก่ บริการอีเอ็มเอสเวิลด์ (EMS World) เป็นบริการจัดส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม แบบเร่งด่วนใน 3-7 วันไปยังปลายทางทั่วโลก กว่า 94 ประเทศ บริการโลจิสโพสต์เวิลด์ (Logispost World) จัดส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักหรือบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 20-200 กิโลกรัมไปยังปลายทาง 32 ประเทศ ภายใน 7-10 วัน พัสดุไปรษณีย์ (Parcel Post) บริการจัดส่งสิ่งของหรือเอกสารที่มีน้ำหนักหรือมีบรรจุภัณฑ์ไม่เกิน 30 กิโลกรัม บริการไปรษณีย์ลงทะเบียน (Registered) บริการจัดส่งสิ่งของหรือเอกสารที่มีน้ำหนักหรือมีบรรจุภัณฑ์ไม่เกิน 2 กิโลกรัม ทั้งนี้ การฝากส่งสิ่งของที่มีมูลค่าสูงหรือเป็นสิ่งของสำคัญ สามารถใช้บริการไปรษณีย์รับประกัน (Insured) ควบคู่ได้ ซึ่งบริการพัสดุไปรษณีย์ และบริการไปรษณีย์ลงทะเบียน ผู้ใช้บริการสามารถเลือกส่งได้ทั้งการขนส่งทางอากาศ การขนส่งทางอากาศชั้นประหยัด หรือ การขนส่งทางเรือ โดยระยะเวลาในการจัดส่งถึงปลายทางสามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการภายในที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่การนำจ่ายในประเทศปลายทาง สำหรับอัตราค่าบริการนั้นจะคิดตามอัตราน้ำหนักของสิ่งของ และประเทศปลายทางที่จัดส่ง รวมไปถึงประเภทของบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่ผู้ใช้บริการเลือกใช้ด้วย
นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถตรวจสอบสถานะสิ่งของที่ฝากส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแอพลิเคชั่น Track & Traceบนสมาร์ทโฟน หรือ www.thailandpost.co.th ซึ่งไปรษณีย์ไทยเชื่อว่าบริการระหว่างประเทศที่มีอย่างหลากหลายจะสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ e-Commerce เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม และเราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและผลักดันให้ธุรกิจไทยเติบโตแข็งขันได้ในระดับโลกต่อไป นางสมร กล่าวสรุป
ไปรษณีย์ไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการให้รองรับกับความต้องการของคนไทย รวมไปถึงระบบเครือข่ายการขนส่งและมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ใช้บริการ และผู้ประกอบธุรกิจในทุกระดับ ตามนโยบาย POST Excellence เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจไปรษณีย์และการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในอาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ
ผู้ใช้บริการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือ เว็บไซต์www.thailandpost.co.th