กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนาระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลอง 100 ปี สหกรณ์ไทย และเฉลิมฉลอง วันสหกรณ์สากล ประจำปี 2559 ในหัวข้อ "สหกรณ์ สร้างโลกที่ดีกว่า" ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 8 กรกฎาคม 2559 ณ โรงแรม S.D. Avenue ว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันเสาร์แรกของเดือนกรกฎาคมของทุกปี เป็นวันสหกรณ์สากล พร้อมกันนี้ องค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ (ICA) จึงได้เชิญชวนรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ความร่วมมือกับองค์การสหกรณ์ระดับชาติ และองค์การสหกรณ์ระหว่างประเทศ เฉลิมฉลอง "วันสหกรณ์สากล" เป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีนี้ตรงกับปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี แห่งการสถาปนาสหกรณ์ไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงได้ร่วมมือกับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ชุมนุมสหกรณ์ระดับชาติทุกชุมนุม และองค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (CIA AP) จัดการสัมมนาระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกขึ้น
นายธีรภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดงานสัมมนาระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้ เพื่อเผยแพร่บทบาทของสหกรณ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโลก และประกาศเจตนารมณ์ขององค์การ CIA ในเรื่อง "พลังสหกรณ์ สร้างชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน" ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสหประชาชาติ ในการรวมตัวกันของขบวนการสหกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและสันติภาพโลก โดยในปีนี้ องค์การ CIA ได้แสดงเจตนารมณ์สนับสนุนสหประชาชาติเรื่อง"เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน" โดยเน้นย้ำถึงการขจัดความยากจนให้หมดไป การสร้างความเข้มแข็งและขยายความร่วมมือระหว่างขบวนการสหกรณ์ระหว่างประเทศ และภาคอื่น ๆ รวมทั้ง รัฐบาลในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติด้วย ทั้งนี้ การจัดสัมมนาดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมจำนวน 150 คน ได้แก่ ผู้นำสหกรณ์ไทย และผู้แทนองค์กรสมาชิกองค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก 11 ประเทศ ประกอบด้วย ภูฏาน จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร ศรีลังกา และเวียดนาม จำนวน 50 คน
"ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการประชาสัมพันธ์แผนการทำงานด้านพัฒนาการสหกรณ์ไทย ซึ่งถือเป็นนโยบายที่สำคัญของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้แบ่งชั้นสหกรณ์ออกเป็น 4ชั้น คือ 1 2 3 และ 4 ตามลำดับ ซึ่งขณะนี้มีสหกรณ์กว่า 1,200 แห่งที่มีการพัฒนาและยกระดับสูงขึ้น พร้อมกันนี้ ได้ตั้งโรงเรียนผู้ตรวจการสหกรณ์ขึ้น และจัดอบรมให้แก่กรรมการสหกรณ์เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในการบริหาร นอกจากนี้ จะจัดตั้งสถาบันให้ความรู้และเผยแพร่ด้านการบัญชี การสหกรณ์ รวมถึงการรวมกลุ่มต่างๆ ให้กับสมาชิก ซึ่งจะอยู่ในแผนการพัฒนาสหกรณ์ไทย โดยคาดว่าในปี 60 จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับงานสหกรณ์ได้" นายธีรภัทร กล่าว