ARROW ทุ่มทุน 37 ลบ. ผุดโรงงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินแห่งที่ 2 เตรียมความพร้อมรับงานภาครัฐ / มั่นใจหนุนธุรกิจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 13, 2016 10:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--IR network บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) ทุ่มงบ 37 ล้านบาท เนรมิตโรงงานผลิตท่อร้อยสายไฟใต้ดิน (RTRC) แห่งที่ 2 บนพื้นที่ 7 ไร่ เตรียมพร้อมขยายกำลังการผลิตท่อกันน้ำร้อยสายไฟ เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี หนุนกำลังการผลิตท่อร้อยสายไฟฟ้าทั้ง 2 ชนิดเพิ่มขึ้นประมาณ 50% "ธานินทร์ ตันประวัติ" มั่นใจท่อ RTRC จะเป็นพระเอกที่หนุนรายได้ในอนาคตพุ่งกระฉูด พร้อมย้ำรายได้ปีนี้โตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณ 37 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ชนิดท่อ RTRC (Reinforced Thermosetting Resin Conduit) แห่งที่ 2 บนพื้นที่ 7 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและรองรับความต้องการของตลาดท่อร้อยสายไฟใต้ดินที่มีแนวโน้มขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดี ตามโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจากภาครัฐ เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และกำหนดแล้วเสร็จปลายปีนี้ "หลังจากที่โรงงานผลิตท่อ RTRC แห่งที่ 1 บนพื้นที่ 3,500 ตารางเมตร ได้เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ไปแล้วช่วงต้นปีที่ผ่านมา และในเดือนกรกฎาคมนี้จะดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมบนพื้นที่ 7 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 โรงงานจะช่วยเสริมกำลังการผลิตในส่วนงานท่อร้อยสายไฟได้ประมาณ 20 % เนื่องจากเครื่องจักรมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการผลิตที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้สามารถรองรับความต้องการงานจากภาครัฐและรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้อย่างเต็มที่ และถือเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันผลประกอบการของ ARROW ให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นในอนาคต รวมถึงช่วยเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันด้วย ที่สำคัญทำให้รายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี"นายธานินทร์กล่าว สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯยังคงเน้นขยายธุรกิจงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ และท่อร้อยสายไฟใต้ดินตามความต้องที่เพิ่มสูงขึ้น และยังคงเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นหลัก รวมถึงการลดต้นทุนในการผลิต เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30 % โดยเชื่อว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในครึ่งปีหลังจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานให้แข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ และผลักดันรายได้ให้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ คือ ไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท โดยขณะนี้มีงานอยู่ในมือ (Backlog) ประมาณ 240 ล้านบาท และยังเตรียมหางานใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง "ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯจะยังคงทำผลงานให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายมุ่งเน้นลดต้นทุนในการผลิต และหางานใหม่ๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้ามาเติม เพื่อต่อยอดงาน ในมือ (Backlog) ให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ปีนี้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ได้ "นายธานินทร์ กล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ