กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--IR network
บมจ.ช ทวี (CHO) ระบุไม่เคยเอางานประมูลงานรถเมล์ NGV 489 คัน มารวมไว้ในประมาณการ ดังนั้นไม่กระทบผลการดำเนินงานปีนี้ มั่นใจรายได้โตตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10% โชว์แบ็กล็อกหนากว่า 665 ล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานใหม่อีกมูลค่าไม่ต่ำกว่า 800 บาท ด้านบิ๊กบอส "สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย" เผยจากนี้เร่งเปิดศูนย์ซ่อมครบวงจร 24 ชั่วโมงสาขาแรกที่ชลบุรี หวังดันยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุน
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยว่า บริษัทฯ คงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2559 ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีปริมาณงานในมือแล้ว (Backlog) ประมาณ 665 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีกมูลค่าไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท
"ส่วนผลลัพท์ของการประมูลงานโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ เนื่องจากเป็นงานในกลุ่มโครงการพิเศษ ซึ่งตามนโยบายจะไม่นับรวมในเป้าหมายรายได้อยู่แล้ว นอกจากนี้เรายังอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีกมูลค่าไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท ทำให้เชื่อมั่นว่าเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2559 จะเติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้อย่างแน่นอน" นายสุรเดช กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดศูนย์ซ่อมครบวงจร ซึ่งสาขาแรกจะเปิดที่จังหวัดชลบุรี และอีก 7 แห่งทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องยนต์และตัวถังรถยนต์ (One Stop Services) เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ศูนย์ละประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี และถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตของบริษัทในอนาคต
ส่วนผลความคืบหน้า กรณีกิจการร่วมค้า เจวีซีซี (JVCC) ซึ่งมี บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ถือหุ้น 50% และบริษัท ขอนแก่น ช.ทวี(1993) จำกัด ถือหุ้น 50% ได้ยื่นฟ้อง 1. ขสมก. 2. คณะกรรมการบริหารกิจการของ ขสมก. 3. ผู้อำนวยการ ขสมก. 4. กวพอ. และ 5. กระทรวงการคลัง ต่อศาลปกครองที่ยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน โดยเรียกค่าเสียหายจากค่าใช้จ่ายและการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจประมาณ 1,500 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำฟ้องเรียบร้อยแล้ว และยังคงอยู่ในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองต่อไป