กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์
ปัจจุบัน "มะเร็ง" ถือเป็นโรคร้ายอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตคนมากมายทุกปี มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด และยังมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปอด และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ 55 ปี และผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมเฉลี่ยวันละ 9 คน
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานและกรรมการผู้บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) นักวิทยาศาสตร์ไทยคนแรกผู้คิดค้นวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันให้สมดุลจากสารสกัดธรรมชาติ กล่าวว่า สาเหตุของมะเร็งเต้านมเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ ปัจจัยทางพันธุกรรมโดยเชื่อว่ามียีนบางตัวกลายพันธุ์แล้วเกิดเป็นเซลล์มะเร็ง ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม อาหารการกิน และฮอร์โมนเพศหญิง โดยอัตราเสี่ยงของมะเร็งเต้านมจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าของทุก ๆ ระยะอายุที่เพิ่มขึ้น 10 ปี จนกระทั่งถึงวัยหมดประจำเดือน
ทั้งนี้ สัญญาณที่บ่งบอกว่าท่านอาจจะเป็นมะเร็งเต้านม คือ มีก้อนที่เต้านมหรือที่รักแร้ รูปร่างหรือขนาดของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สีหรือผิวหนังบริเวณลานหัวนมที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น มีรอยบุ๋ม รอยย่น ผื่นคันที่รักษาแล้วไม่หายขาด อาการเจ็บผิดปกติที่เต้านมหรือผิวหนังของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นรอยบุ๋มแบบลักยิ้ม มีรอยย่น ผิวหนังบวมหนาตัวเหมือนผิวของเปลือกส้ม ก็อย่านึกว่าไม่มีอะไร เพราะนั่นเป็นสัญญาณว่าเซลล์มะเร็งได้ลุกลามขึ้นมาที่ชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการรักษานั้นมีด้วยกันหลายวิธี อาทิ การผ่าตัดเอาเต้านมและต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ออก หากพบว่าเซลล์มะเร็งกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว อาจจำเป็นต้องให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายแสงรักษาเฉพาะบริเวณนั้นอีกด้วย ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรงต่อผู้ป่วย เช่น คลื่นไส้ ผมร่วง และการกดภูมิคุ้มกัน
อีกหนึ่งทางเลือกในการพิชิตมะเร็งเต้านมที่มีประสิทธิภาพคือการใช้กลไกธรรมชาติในการรักษา โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ อธิบายว่า "Immunotherapy" หรือการรักษาโรคด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด คือ การเข้าไปเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวเพชรฆาตที่มีความสามารถในการกำจัดเฉพาะเซลล์มะเร็งที่มีลักษณะของผิวเซลล์ต่างจากเซลล์ปกติของร่างกาย โดยเม็ดเลือดขาวเพชรฆาตจะไม่ทำลายหรือกระทบต่อเซลล์ปกติของร่างกาย จึงมีความปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง
ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระตุ้นเสริมสร้างประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวเพชรฆาตทำได้โดย การนำสารที่มีสรรพคุณสูงสุดในมังคุด คือ GM-1 มาเสริมฤทธิ์ด้วยสารสกัดจากพืชและผลไม้อีก 4 ชนิด คือ ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง และบัวบก แล้วได้สารผสมที่ไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิด Th1, Th9, Th17 และ Interleukin-18(โดยพิสูจน์ด้วยการทดสอบจากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ซึ่งไปร่วมกันเสริมสร้างประสิทธิภาพเพชรฆาตในการฆ่าเซลล์มะเร็งของเม็ดเลือดขาวให้เพิ่มมากขึ้นได้หลายเท่าตัว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ประกาศสนับสนุนโครงการวิจัย"Cancer MoonShot 2020" ตั้งเป้าเอาชนะโรคมะเร็งให้ได้อย่างเด็ดขาด ด้วยวิธีที่เรียกว่า "ภูมิคุ้มกันบำบัด" (Immunotherapy) ให้ได้ภายในปี 2020 ขณะที่ในประเทศไทยก็มีโครงการ "APCO's Thailand Cancer MoonShot 2017" เปิดรับสมัครผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่ประสงค์ใช้เคมีบำบัดและรังสีบำบัด จำนวน 30 คน เข้ารับการดูแลสุขภาพด้วยวิธี "ภูมิคุ้มกันบำบัด" โดยไม่มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน
ล่าสุด คุณอ้อ มะย่น หนึ่งในผู้ป่วยโครงการ "APCO's Thailand Cancer MoonShot 2017" กล่าวว่า ตนเป็นมะเร็งเต้านมมา 10 ปี โดยปฏิเสธการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดเพราะกลัวผลข้างเคียง จนมะเร็งได้ลุกลามถึงระยะสุดท้าย เต้านมเพิ่มขนาดขึ้นจนระเบิดน้ำเหลืองและเลือดไหลออกจากเต้านมตลอดเวลา มีอาการไอตลอดเวลา อ่อนเพลียจนไม่สามารถลุกเดินได้ รับประทานอาหารไม่ได้เนื่องจากมะเร็งลามไปยังต่อมน้ำเหลือง แต่หลังจากตัดสินใจรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียง 5 เดือน ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ก็ตรวจไม่พบเซลล์มะเร็งอีกเลย
ศ.ดร.พิเชษฐ์ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ผู้หญิงทุกคน ควรหมั่นสังเกตตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนเมื่อมีอายุ 20 ปีขึ้นไป พบแพทย์ตรวจเมื่อมีอาการสงสัย อย่าปล่อยไว้เพราะไม่เจ็บ ผู้หญิงหลายๆ คนมีความเข้าใจผิดคิดว่าก้อนที่ไม่เจ็บคงไม่เป็นไรและปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งก้อนมะเร็งใหญ่โตขึ้นมากแล้วจึงรู้สึกเจ็บได้ ซึ่งหากทิ้งไว้มะเร็งอาจลุกลามทั่วร่างกายได้ในท้ายที่สุด