กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--MTS Gold Group
ทิศทางราคาทองคำ
ภาพรวมราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยที่ปรับลดลงหลุดระดับ 1,330 เหรียญ ลงมา จากการที่นักลงทุนเริ่มหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับ Brexit หลังอังกฤษมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นางเทเรซ่า เมย์ และค่อนข้างมีความมั่นใจว่าจะดำเนินการ Brexit อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ตลาดการเงินเริ่มทรงตัวและไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง ร่วมกับมีแรงเทขายจากกองทุน SPDR เข้ามาอีก 2.37 ตัน โดยลดการถือครองลงสู่ระดับ 962.85 ตัน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ออกมาในเกณฑ์ทรงตัวได้แก่ ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตออกมาสูงขึ้นเล็กน้อย บ่งชี้ถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่วันนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI), ยอดค้าปลีก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งคาดการณ์ว่าจะออกมาทรงตัว ขณะที่ประธานเฟดสาขาต่างๆอันได้แก่ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุย, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส และนายเดนนิส ล็อกฮาร์ต ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า ได้ออกมาให้ความเห็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต้องพิจารณาให้รอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป บ่งชี้ว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. น่าจะมีน้อยมาก
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,340 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันในราย 4 ชม. ทำให้โดยภาพรวมทองคำในระยะสั้นเริ่มเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาทองคำหลุดแนวรับที่ 2 ที่ระดับ 1,330 เหรียญลงมา ด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูง ประกอบกับกองทุน SPDR ที่ขายทองคำออกมาร่วมกดดันด้วย ทั้งนี้สัญญาณ Indicators ในรายวันบ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวจากทิศทางขาขึ้นสู่ทิศทางขาลง ฉะนั้นโดยภาพรวมจึงวิเคราะห์ได้ว่า ราคาทองคำเริ่มกลับทิศจากขาขึ้นเป็นขาลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,314 เหรียญ และ 1,299 เหรียญ ตามลำดับ ซึ่งมีโอกาสที่ราคาทองคำจะค่อยๆแกว่งตัวและปรับตัวลดลงได้ ขณะที่แนวต้านด้านบนอยู่ที่ 1,340 และ 1,355 เหรียญ ตามลำดับ วิเคราะห์ได้ว่าราคาทองคำเริ่มปรับเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง ราคาทองคำไทยเองเริ่มหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 22,000 บาท/บาททองคำลงมา ทำให้โดยภาพรวมก็เริ่มกลับทิศจากขาขึ้นสู่ขาลงเช่นเดียวกัน ทองไทยวันนี้คาดจะเคลื่อนตัวในกรอบ 21800 บาท/บาททองคำเป็นแนวรับ และ 22,100 เป็นแนวต้าน ขณะที่ค่าเงินบาทเองยังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรของไทย ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากระดับ 35.15 บาท/ดอลลาร์ สู่ระดับ 35.03 บาท/ดอลลาร์ ในเช้าวันนี้ โดยมีโอกาสที่จะหลุดระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 34.90 บาท/ดอลลาร์
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
เป็นกลยุทธ์ของการปรับพอร์ตในสภาพของการกลับทิศ เนื่องจากราคาเริ่มมีลักษณะของการกลับทิศทางอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นที่จะต้องพิจารณาปรับกลยุทธ์จากแนวโน้มทิศทางขาขึ้นกลับมาเป็นขาลง โดยมีจุด Stop Loss ให้เหมาะสมกับต้นทุนของตนเอง โดยทั่วไปควรมีจุด Stop Loss ต่ำกว่าต้นทุนของตนเองไม่เกิน 3% และต้องควบคุมต้นทุนให้รวดเร็ว เนื่องจากหากท่านทำ Leverage มาก ก็ควรทำ Stop Loss ให้เร็ว จึงแนะนำให้ลดสถานะ Long Position ลงไป อันจะเห็นได้ว่าราคามีความผันผวนมากในระยะสั้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 วัน ซึ่งราคาแกว่งตัวกลับไปกลับมา จึงต้องปรับกลยุทธ์ให้ทัน นักลงทุนที่คาดหวังว่าจะถือครองยาวๆ โดยการเติม Margin ไม่ควร Leverage เกิน 2 เท่า เพราะการ Leverage มาก ท่านจะไม่สามารถเป็นนักลงทุนระยะยาวและไม่สามารถเติม Margin ได้ตลอด จึงเน้นย้ำให้บริหารพอร์ตการลงทุนให้รวดเร็วและเหมาะสมกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
หาจังหวะลดสถานะ Long จากสัญญาณที่เริ่มกลับทิศเป็นขาลง
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ทยอยปิดทำกำไรบางส่วน เมื่อราคาปรับตัวลดลง
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
บริหารพอร์ตสมดุลจากความผันผวน และหากหลุด 1,300 เหรียญ จะเป็นสัญญาณลบ
Gold Futures Q16 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,100 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,300 บาท
Gold Futures V16 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,180 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,380 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
MTS Research
MTS Gold Group
Phone: 02-770-7777
Fax: 02-623-9366
Email: research@mtsgoldgroup.com
Website: http://www.mtsgold.co.th