กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--IR PLUS
หุ้นไอพีโอ EKH กระแสแรงสุดๆ !!! ขายเกลี้ยง 166.80 ล้านหุ้น หลังเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปวันที่ 15 และ 20-21 ก.ค. ที่ผ่านมา "สมภพ กีระสุนทรพงษ์" กรรมการผู้อำนวยการ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่าย เชื่อการกำหนดราคาไอพีโอ 3.05 บาท/หุ้น เป็นราคาเหมาะสม ประกอบกับเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูง จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลง ทุน ด้าน "นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชัย เผยนำเงินที่ระดมทุน 508.74 ล้านบาท ไปเพิ่มศักยภาพธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ มั่นใจหลังเข้าทำการซื้อขายในกระดาน 27 กรกฎาคมนี้ ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุน ของ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 166.80 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายที่ 3.05 บาท/หุ้น ระหว่างวันที่ 15 และ 20 - 21 กรกฎาคม2559 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหุ้นของ EKH ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานและการเติบโตของ ธุรกิจ โรงพยาบาลที่มีความโดดเด่น มีอนาคตสดใส อีกทั้งราคา IPO มีส่วนลดจูงใจให้กับนักลงทุนถึง 29.85% เมื่อเปรียบเทียบกับ P/E เฉลี่ยของหมวดธุรกิจการแพทย์ ในช่วงเวลาระยะเวลา 3 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน – 6 กรกฎาคม 2559) จึงมั่นใจว่า EKH จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้อย่างประทับ ใจ
"ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดจองหุ้นไอพีโอของ EKH ในครั้งนี้ มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก คาดว่าเป็นผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นใน ธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตสูง จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมแพทย์และผู้บริหารที่แข็งแกร่ง การเติบโตของโรงพยาบาลเอกชัยกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เป็นอีกบทพิสูจน์ให้เห็นว่าโรงพยาบาลได้รับความ เชื่อถือ เชื่อมั่น และพร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ EKH มากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ ราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 3.05 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่น่าสนใจและมีส่วนลดให้กับนักลง ทุน หากนักลงทุนที่พลาดวันจองซื้อหุ้นไอพีโอ สามารถเข้ามาซื้อหุ้นบนกระดานได้ ซึ่ง EKH จะเข้าเทรดวันแรกในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ EKH จะเป็นทั้งหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock มั่นใจ จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน" นายสมภพ กล่าว
ด้านนพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH กล่าวว่า หุ้นไอพีโอของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวน มากในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ บริษัทฯ เนื่องจาก EKH เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและการเติบโตอย่างมั่นคง เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจน้อย การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความเชื่อมั่น ยกระดับคุณภาพและการให้บริการของโรงพยาบาล เอกชัยให้เป็นที่ยอมรับทั่วประเทศ มากยิ่งขึ้น อีกทั้ง สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
"ในฐานะผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชัย รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ จองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามา เป็นจำนวนมาก สะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะทำให้โรงพยาบาลเอกชัยเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่ วางไว้ และมั่นใจ ทีมผู้บริหารจะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เชื่อว่าเมื่อ EKH เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นพ.อำนาจกล่าว
นพ.อำนาจ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ 508.74 ล้านบาท จะนำไปใช้โครงการก่อสร้างศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ที่มีความทันสมัยและครบวงจรที่สุดในย่าน จังหวัด สมุทรสาครโดยคาดว่าจะใช้เงิน ลงทุนจำนวน 200 ล้านบาท รองรับการให้บริการแผนกเด็กที่มีความต้องการสูง และโรงพยาบาลมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ คาดว่าศูนย์ดังกล่าวจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ต้นปี 2562 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะนำไปใช้ปรับปรุงอาคารโรงพยาบาลเดิมและลานจอดรถ 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 237.13 ล้านบาท รองรับโอกาสหรือการขยายธุรกิจที่จะมีขึ้นในอนาคต