กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งใน 2 จังหวัด ได้แก่พิษณุโลก และสุราษฎร์ธานี รวม 3 อำเภอ 16 ตำบล 95 หมู่บ้าน ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตรในบางพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือนจังหวัดจันทบุรี ตราด พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง รับมือภาวะฝนตกหนักต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดอุทกภัย และดินโคลนถล่มจากปริมาณฝนที่ตกสะสม โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระยะนี้หลายพื้นที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งใน 2 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก และสุราษฎร์ธานี โดยจังหวัดพิษณุโลก น้ำในลำน้ำแควน้อยและลำน้ำสาขาได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ 10 ตำบล 77 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอนครไทย และอำเภอเมืองพิษณุโลก ปัจจุบันยังมีสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอนครไทย จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลนครไทยตำบลบ้านพร้าว และตำบลเนินเพิ่ม ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตรในบางแห่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพระแสง รวม 6 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 479 ครัวเรือน 1,809 คน ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำในตำบลอิปัน หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 8 และหมู่ที่ 10 ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านน้ำราด ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐจังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้กระแสน้ำพัดรถกระบะ ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายในพื้นที่ พร้อมระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นโดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยยังมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังมีฝนตกและมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงบ่ายถึงค่ำ ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยและแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำ ริมน้ำไหลผ่านให้ระมัดระวังอันตรายจากน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มจากปริมาณฝนที่ตกสะสม รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถติดต่อแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th