กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์ภัยแล้งของประเทศไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยทั้ง 41 จังหวัดได้ประกาศยุติเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ในทุกพื้นที่ ขณะที่ปริมาณฝนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ จึงยังคงต้องขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด รวมถึงประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออก และฝั่งตะวันตกของประเทศ เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัย และดินโคลนถล่มจากปริมาณฝนตกสะสม โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงที
นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) อำนวยการติดตาม ซักซ้อมการเฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง ครั้งที่ 22/2559 กล่าวว่า ระยะนี้หลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตกหนาแน่น ส่งผลให้สถานการณ์ภัยแล้งสิ้นสุดลงในทุกพื้นที่ โดยมีการประกาศยุติเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ปี พ.ศ.2559 ทั้ง 41 จังหวัด 267 อำเภอ 1,444 ตำบล 11,840 หมู่บ้าน ขณะที่ปริมาณฝนตกสะสมเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนิโญสิ้นสุดลงและมีแนวโน้มเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้ประเทศไทยมีปริมาณฝนใกล้เคียงค่าปกติหรือมากกว่าเล็กน้อย แต่เนื่องจากประเทศไทยประสบสถานการณ์ภัยแล้งติดต่อกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 – 2559 แม้มีฝนตกและเริ่มมีน้ำไหลเข้าเขื่อนแต่ปริมาณน้ำในเขื่อนยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณฝนและสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยไม่ให้กระทบต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อน อีกทั้งจากการติดตามสถานการณ์น้ำ พบว่า เขื่อนส่วนใหญ่ยังคงมีปริมาณน้ำอยู่ ในเกณฑ์ต่ำ โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา หากไม่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มเติม คาดว่าปริมาณน้ำจะลดลงใกล้ระดับกักเก็บต่ำสุดและอาจต้องนำน้ำสำรองที่อยู่ ก้นเขื่อนมาใช้งาน จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด กักเก็บน้ำ และสำรองน้ำไว้สำหรับอุปโภคบริโภค ส่วนเกษตรกรควรวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่ พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย และมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคถึงปีหน้า อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศ พบว่า หลายพื้นที่มีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะภาคใต้ ภาคตะวันออก และฝั่งตะวันตกของประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยและดินโคลนถล่มจากปริมาณฝนตกสะสม ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในช่วง ฤดูฝน โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด และจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบ ภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจาก ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ฝากเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ ประกาศเตือนภัย และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย สามารถติดต่อแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th