กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--มาสด้า เซลส์
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ด้วยปริมาณยอดขายรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นสูงถึง 21,000 คัน เติบโตกว่า 25.7% เกินความคาดหมาย ขยับขึ้นครองอันดับ 3 ตลาดรถเก๋งอย่างถาวร จากการที่ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในการสร้างแบรนด์ รวมทั้งคุณภาพของรถยนต์มาสด้าที่วางจำหน่ายในตลาดภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เตรียมส่งรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดลงตลาดในครึ่งปีหลังอีก 3 รุ่น มั่นใจยอดขายทั้งปีทะลุ 42,000 คันแน่นนอน
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยได้รับผลพวงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดย 6 เดือนแรก ยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นคัน เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ในครึ่งปีแรกยอดขายโดยรวมของอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 370,000 คัน ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น คาดว่ายอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 410,000 คัน มาสด้ายังเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในปี 2559 จะทะลุถึง 780,000 คัน ด้วยปัจจัยด้านบวกและการส่งสัญญาณที่ดี จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไปถึงเป้าหมาย มีปัจจัยหลักสำคัญดังต่อไปนี้
· การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อของครัวเรือนเกษตรเริ่มปรับดีขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย กำลังซื้อโดยรวมของครัวเรือนที่ค่อยๆ ปรับดีขึ้น
· การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์เริ่มปรับดีขึ้นดังจะเห็นได้จากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากแผ่วลงในช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่การขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายและอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดของมาสด้าและคู่แข่ง
· ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่องและเป็นแรงส่งที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวร้อยละ 7.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน
· รถยนต์คันแรกใกล้ครบกำหนดระยะ 5 ปีในการถือครอง จึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมองหารถยนต์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
· เทรนด์ลูกค้าเปลี่ยน: ลูกค้ามองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมภายในคันเดียว และมีความทันสมัย ให้ความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ ครบครันด้วยเทคโนโลยีมากขึ้น
ทั้งนี้จากผลการวิจัยของมาสด้าพบว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากอดีต โดยมีความต้องการใช้รถยนต์ที่สามารถตอบสนองที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างลากหลายและครบครันภายในคันเดียว มีการค้นหาเปรียบเทียบข้อมูล ไตร่ตรองมากขึ้น หรือมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อรถยนต์มากขึ้น ให้ความสนใจในรายละเอียดของรถมากขึ้น ในส่วนของเป้าการขายมาสด้ายังยืนยันว่าปีนี้จะทุละ 42,000 อย่างแน่นอน เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์ร่นใหม่เข้าสู่ตลาด พร้อมๆ กับการเน้นนโยบายหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการดูแลเอาใจใส่ลูกค้ามาเป็นอันดับ 1 เพื่อส่งเสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่งและทำให้มาสด้า กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่ผ่านมานั้น มาสด้ายังคงความสำเร็จไว้ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับยอดขายของมาสด้าในปี 2558 แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ในขณะที่ตลาดหดตัวลง ประมาณการจากยอดจำหน่ายของตลาดรวมทุกยี่ห้ออยู่ที่ 370,000 คัน เป็นยอดขายของมาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 21,160 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 5.7% สูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ที่สำคัญมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุดในตลาดถึง 25.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 16,837 คัน โดยยอดขายในครึ่งปีแรกแบ่งออกเป็น
· รถยนต์นั่ง จำนวน 13,500 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 10,986 คัน
· รถอเนกประสงค์ จำนวน 4,512 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 1,734 คัน
กระแสความแรงอย่างต่อเนื่องของมาสด้าหลังจากมีรถยนต์หลากหลายรุ่นใหม่ภายใต้ 6th Generation Products ส่งผลให้มาสด้าโดยรวมครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 5.7% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์รถยนต์นั่งที่มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 13% กลายเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และในตลาดรถอเนกประสงค์นั้น มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 8.0% (รวม PPV) และครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 18.6% ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ที่ไม่รวม PPV
นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์มาสด้าเองยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและค่อนข้างสวนกระแสกับค่ายรถอื่นๆ เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่น่าจะมีส่วนเอื้อต่อยอดขายรถโดยรวมของมาสด้า อาทิ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและโคโดะดีไซน์ รวมทั้งการได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจนเกิดกระแสแนะนำแบบปากต่อปาก อีกทั้งมาสด้าเองก็มีการเสริมทัพด้วยรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจของลูกค้าและดึงดูดลูกค้าสู่แบรนด์อยู่ตลอดเวลา
อีกหนึ่งปัจจัยแห่งความความสำเร็จ คือ การเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่นเมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้งการปรับโฉมและเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ อีก 4 รุ่นในช่วงครึ่งปีแรก รวมทั้งการสื่อสารแบรนด์อย่างชัดเจน มาสด้าก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของการขับขี่ ทำให้เกิดเป็นความแปลกใหม่ และแตกต่าง ฉีกหนีจากกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีอย่างคาดไม่ถึง สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของรถยนต์แต่ละเซกเมนต์ได้อย่างแท้จริง โดยรถยนต์ที่ช่วยสร้างความแรงของยอดขายมาสด้าโดยรวมในครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย
1. รถยนต์นั่งมาสด้า2 รุ่นปี 2016 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500 ซีซี และสกายแอคทีฟเบนซิน 1300 ซีซี ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่นแฮตช์แบค และรุ่นซีดาน มีการเพิ่มรุ่นเข้ามาโดยการเพิ่มไฟหน้า LED และกล้องมองหลัง รวมทั้งการเพิ่ม Day Time Running Lamp ประกอบกับโครงสร้างราคาภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เอื้อให้รถยนต์ที่สามารถประหยัดน้ำมันได้จริงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้รถมาสด้า2 มีการปรับราคาลดลงตามสัดส่วนที่ของอัตราภาษีฯใหม่ ทำให้เป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา และยังคงครองใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นรถยนต์รุ่นที่มียอดขายสูงสุดของมาสด้า
2. New Mazda CX-5 โฉมใหม่ ที่อัดแน่นไปด้วย 4 Key Pillars ของมาสด้า ทั้งโคโดะ ดีไซน์ และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ระบบความปลอดภัย i-Activsense และการเชื่อมต่อโลกการสื่อสาร MZD connect ที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีมาให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2200 ซีซี ในรุ่น 2WD และ AWD และสกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2000 ซีซี เพิ่มความสปอร์ตหรูหรามีระดับด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ สร้างสีสันให้กับตลาดนี้ SUV และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
3. การปรับเพิ่มอุปกรณ์ในรถยนต์นั่งมาสด้า3 ด้วยการใส่อุปกรณ์ i-Stop เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
4. การเริ่มส่งมอบรถสปอร์ตโรดสเตอร์ระดับตำนานอย่าง มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา เป็นการสิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนๆ ผู้หลงใหลรถยนต์แห่งตำนานคันนี้ และเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้ายังคงเน้นการเพิ่มเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสมรรถนะในการขับขี่และการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานและมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นในอนาคต สำหรับแผนเพิ่มยอดขายในปีนี้นั้น มาสด้ามุ่งหวังที่จะเน้นสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นหลักเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและคุณค่าให้กับแบรนด์ ควบคู่ไปกับการออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย จากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า มาสด้านั้นเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอัตตราการเติบโตสูงสุด ซึ่งการเติบโตของมาสด้านี้เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์และเน้นความเป็นพรีเมียมแบรนด์ที่มาสด้าได้บุกเบิกเมื่อปี 2558 และในครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 2559 นี้ มาสด้าก็ยังคงมั่นใจว่าจะยังเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาย 42,000 คัน ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน พร้อมส่วนแบ่งการตลาด 5.4% โดยเรายังคงมีเป้าหมายที่จะรักษาอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า นอกเหนือจาก 4 Pillars หลักของมาสด้าที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้ว ในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้าเตรียมนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเสไทย พร้อมทั้งยังมุ่งเน้นที่จะเสริมสร้างคุณค่าต่างๆ ของรถยนต์มาสด้าที่ส่งมอบต่อลูกค้าไปตลอดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าด้านประโยชน์ใช้สอย ด้านอารมณ์และความสุข เพื่อเสริมสร้างคุณค่าความเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า และตอบสนองคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนที่มีแนวคิดที่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่รถยนต์ แต่ต้องการรถยนต์ที่สะท้อนบุคลิกของตัวเอง และสร้างสีสันกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาด้วยรูปลักษณ์ที่โดนใจและสมรรถนะที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ นอกเหนือจากความสมบูรณ์แบบของการใช้งาน ส่วนในแง่ของคุณภาพผลิตภัณฑ์มาสด้ามุ่งมั่นที่จะยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ภายใต้สายการผลิตที่มีแพลตฟอร์มเดียวกันทั่วโลกและอยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิตเดียวกันเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพรถยนต์มาสด้าเฉกเช่นเดียวกับลูกค้ามาสด้าทั่วโลก
นอกจากจะประสบความสำเร็จด้านยอดขายแล้ว ในปีนี้มาสด้าย้ำเน้นในเรื่องของการบริการหลังการขายเป็นนโยบายหลักสำคัญ กลยุทธ์การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า การพัฒนาบุคลากรในฝ่ายขายและฝ่ายบริการ โดยมุ่งเน้นในการดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งในส่วนของการดูแลลูกค้านั้น ณ ปัจจุบันจากผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าด้านบริการหลังการขาย มาสด้าก็ทำได้ดีขึ้นกว่าปี 2557 ในด้านผู้ให้คำแนะนำในการบริการและสถานที่รับบริการ ซึ่งนับเป็นสัญญาณอันดีในการแสดงถึงความทุ่มเทของมาสด้าในการดูแลลูกค้าหลังการขาย ในด้านคุณค่าของการเป็นเจ้าของรถ หรือ Cost of Ownership มาสด้ามีการพัฒนาปรับปรุงด้านนี้อย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้จากผลสำรวจ JD Power ในปี 2558 ที่มาสด้าได้รับการจัดลำดับเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้านรถยนต์นั่งในการให้บริการด้านการขาย (SSI) จากผลการสำรวจฯ
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางของมาสด้าด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถมาจนถึงวันนี้ มาสด้าจะไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก แต่จะแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และแนะนำให้กับคนที่ลูกค้ารักต่อไปอีกด้วย และจะขยายใหญ่จนกลายเป็น "สังคมคนรักมาสด้า" ขนาดใหญ่ สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันของมาสด้าก็เป็นสิ่งที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญมาตลอด เรามีการจัดกิจกรรมกับทางลูกค้าและชมรมคนรักมาสด้าต่างๆ ทุกปีเพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมและสืบทอดสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษระหว่างแบรนด์และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น Mazda Motorsport Day และ Jinba-Ittai Academy เพื่อส่งเสริมความรักและความผูกพันต่อแบรนด์มาสด้า จนลูกค้ากลายมาเป็น brand ambassador เป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับแบรนด์ และยังจะมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายในปีนี้เพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้าหลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดเป็นภาวะลูกค้าเก่าเป็นผู้สร้างลูกค้าใหม่ในที่สุดกลายเป็นครอบครัวมาสด้าอย่างเหนียวแน่น ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากความประทับใจที่เกิดขึ้นจริงจากรุ่นสู่รุ่น
ความสำเร็จที่ผ่านมา และความมุ่งมั่นสู่เส้นทางในอนาคต ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สู่ตลาดประเทศไทย ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้คือการขับเคลื่อนของมาสด้าที่จะเกิดขึ้นภายในครึ่งปีหลังของปี พ.ศ. 2559 นี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป