กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่
สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่, สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ จับมือร่วมรณรงค์คนไทยบริโภคไข่ไก่ 300 ฟองต่อคนต่อปี ภายในปี 2561 ตั้งเป้าคนไทยทุกเพศทุกวัยมีสุขภาพแข็งแรง จากการบริโภคโปรตีนคุณภาพสูง ราคาถูก
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ไข่ของไทยมีการพัฒนาเป็นฟาร์มขนาดใหญ่มากขึ้น มีเทคโนโลยีและกระบวนการจัดการทันสมัยเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้ได้ผลผลิตไข่ไก่มากขึ้น ส่งผลให้ไทยมีผลผลิตไข่ไก่ประมาณ 15,500 ล้านฟองต่อปี คิดเป็นมูลค่าปีละกว่า50,000 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับเกษตรกรผู้เลี้ยง ผู้ค้า และผู้ส่งออกมากกว่าหมื่นครอบครัว แต่ในด้านการบริโภค คนไทยยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการบริโภคไข่ ว่าจะทำให้คอเรสเตอรอลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คนไทยบริโภคไข่น้อยลง จึงทำให้ร่างกายขาดโปรตีน
ในวันนี้ ทั้ง 3 สมาคม ภายใต้การสนับสนุนของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว "โครงการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ 300 ฟอง" ตามแผนยุทธศาสตร์ไก่ไข่ พ.ศ.2557-2561ที่ต้องการเพิ่มปริมาณการบริโภคไข่ไก่ของคนไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 220 ฟองต่อคนต่อปี ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วเช่น จีน 340 ฟอง, ญี่ปุ่น 330 ฟอง, มาเลเซีย 300 ฟอง และ สหรัฐฯ 290 ฟอง โดยโครงการรณรงค์การบริโภคไข่ไก่ในครั้งนี้จะเน้นให้คนไทย "กินไข่ทุกวัน กินไข่ทุกวัย กินอะไรใส่ไข่ด้วย"
นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ กล่าวว่า ไข่ไก่เป็นอาหารโปรตีนคุณภาพสูงราคาย่อมเยา หาซื้อง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างการของคนทุกวัยโดยเฉพาะทารกและเด็กวัยเรียน ซึ่งโครงการรณรงค์บริโภคไข่ไก่นี้ จะเป็นการกระตุ้นให้คนไทยตื่นตัว มีความเข้าใจเกี่ยวกับคุณค่าทางอาหารของไข่อย่างถูกต้องและหันมาบริโภคไข่ไก่มากขึ้น โดยไข่ไก่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ทานได้ทุกวัน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย 300 ฟองต่อคนต่อปี
นายอรรณพ อัครนิธิยานนท์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีการผลิตไข่ไก่เฉลี่ยประมาณปีละ 15,500 ล้านฟอง ขณะที่การบริโภคของคนไทยย้อนหลัง 10 ปี มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4% เท่านั้น เมื่อเทียบกับการผลิตด้วยเทคโนโลยีและการจัดการที่ทันสมัยทำให้ประสิทธิภาพของไทยดี ผลผลิตออกมาจำนวนมากทำให้ประสบปัญหาราคาผันผวนมาโดยตลอด ส่งผลให้เกษตรกรต้องแบกภาระการขาดทุน บางรายต้องเลิกอาชีพไปเพราะไม่มีหลักประกัน หากมีการบริโภคเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย 300 ฟอง น่าจะทำให้ราคามีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้อาชีพเลี้ยงไก่ไข่เป็นอาชีพที่ยั่งยืนต่อไป
นายสุเทพ สุวรรณรัตน์นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ กล่าวว่า การผลิตไข่ไก่ของประเทศไทย ผลิตได้ตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ โดยมีการดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ คือ พันธุ์สัตว์ ตลอดจนกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย จนถึงมือผู้บริโภค โดยในไข่ไก่ 1ฟอง มีกรดอะมิโนจำเป็นทุกชนิด มีวิตามิน และเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ , วิตามินบี 2, วิตามินบี 6, วิตามินบี 9 (กรดโฟลิก), วิตามินบี12, เหล็ก, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และวิตามินอี นอกจากนั้น ไข่ไก่ยังเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินดี และไข่แดงยังมีปริมาณเลซิติน และโคลีน มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ซึ่งเลซิติน และโคลีนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย และสมองของมนุษย์ เช่น ช่วยเพิ่มเซลล์สมอง และพัฒนาระบบประสาท ให้กับเด็ก ช่วยปรับไขมันในเลือดให้ดีขึ้นโดยเพิ่มเอชดีแอล-คอเลสเตอรอล และลดแอลดีแอล-คอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์
ดร.สมบัติ ธีระตระกูลชัยประธานคณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่าจากงานวิจัยของ Frank B.Hu และคณะ จากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด สหรัฐอเมริกา ที่ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในปีค.ศ.1999 เกี่ยวกับการบริโภคไข่ไก่และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในชายและหญิง โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มคนกว่า 110,000 คน เป็นระยะเวลา 14ปี มีผลสรุปว่า การรับประทานไข่ไก่วันละ 1 ฟอง ไม่ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และยังมีงานวิจัยอื่นๆเพิ่มเติมอีก 5 ฉบับ ที่ช่วยยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า ในผู้ที่มีร่างกายปกติ สามารถรับประทานไข่ไก่ได้ สัปดาห์ละ 6 ฟอง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทั้งในด้านโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง แต่จะมีความเสี่ยงในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
จากผลการวิจัยดังกล่าวของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด "ไข่ไก่" จึงควรเป็นอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพอีกเมนูหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องหันมาให้ความสำคัญและบริโภคมากขึ้น ที่สำคัญการบริโภคเพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่มีอาชีพที่ยั่งยืน.