กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--เทพผดุงพรมะพร้าว
หากพูดถึงแบรนด์ไทยที่เป็นที่รู้จักของตลาดต่างประเทศ หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ "ชาวเกาะ" ในฐานะสินค้าคู่ครัวอาหารไทยรวมอยู่ด้วย เพราะกว่า 40 ปี ชาวเกาะสะสมความแข็งแกร่งของกะทิคุณภาพ ทั้งยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการผลิตน้ำมะพร้าวยูเอชที เพื่อพร้อมสู่การเป็นออฟฟิเชียลพาร์ตเนอร์ให้แก่สโมสรลิเวอร์พูลเป็นเวลา 3 ปี ในการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
ก้าวแรกของ "เทพผดุงพร"
บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด เริ่มดำเนินการเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา โดย "อำพล-จรีพร เทพผดุงพร" 2 สามีภรรยา ในย่านฝั่งธนบุรี ดำเนินกิจการค้าขายส่งและปลีกมะพร้าวลูก ต่อมาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงย้ายมาตั้งร้านค้าบนถนนมหาราช ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดมมะพร้าว
ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจการเกษตร จนมองเห็นว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาตต ทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เพราะสินค้าเกษตรในไทยมีจำนวนมาก ผลเช่นนี้จึงทำให้เขาทั้งคู่ตัดสินใจวางรากฐานโรงงาน พัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน กระทั่งก่อตั้งบริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด ในปี 2519 โดยแบ่งเป็น 2 โรงงาน คือ โรงงานชาวเกาะ ผลิตสินค้าชาวเกาะ, แม่พลอย และยอดดอย มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 150,000 ตัน/ปี ด้วยการผลิตกลุ่มกะทิ น้ำมะพร้าว, ผลไม้กระป๋อง เป็นหลัก
โรงงานแห่งที่สองคือ โรงงานแม่พลอย มีกำลังการผลิตสูงสุด 20,000 ตัน/ปี ผลิตสินค้าน้ำจิ้ม, น้ำพริกแกง และเครื่องปรุงรสอาหารไทยเป็นหลัก โดยบริษัทเทพผดุงพรถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารประเภทกะทิสำเร็จรูปเพื่อส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก รวมทั้งสินค้ากลุ่มน้ำจิ้ม, เครื่องปรุงรส, ผัก-ผลไม้แปรรูป มีอัตราส่งออก 80% ครอบคลุม 36 ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2558 มียอดขายรวม 6,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 30%
สำหรับในปี 2559 เรียกว่ามีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเทพผดุงพร เพราะมีการทุ่มงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการหันมาลุยตลาดในประเทศมากขึ้น แม้ผ่านมาจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด
"เอกศักดิ์ เทพผดุงพร" ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด กล่าวว่า สินค้าที่ส่งตลาดแต่ละที่ จะออกแบบบรรจุภัณฑ์แตกต่างกันออกไป เช่น บรรจุภัณฑ์น้ำมะพร้าวจะออกแบบแตกต่างกันทั้งสี รูปแบบฉลาก รวมทั้งโลโก้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ของแต่ละประเภท ดังนั้น บรรจุภัณฑ์ที่ส่งไปสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และจีนจึงมีความแตกต่างกัน
นอกจากนี้ ตลาดผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ อย่างช่วงก่อนสหรัฐอเมริกานิยมดื่มน้ำมะพร้าวแบบมีวุ้นมะพร้าวมากที่สุด แต่เมื่อเทรนด์สุขภาพมาแรง น้ำมะพร้าวล้วนกลับเป็นที่นิยมแบบล้นหลาม จนทำให้สินค้าเติบโต 100% ในช่วงปีที่ผ่านมา เราจึงต้องมีการทำตลาดให้ตรงกับจังหวะเพื่อจับกระแสให้ทัน
ในส่วนของแม่พลอย จากเดิมดีไซน์แบบโอลด์แฟชั่นก็จะปรับลุกให้มีความสดใส สีสันดึงดูดมากขึ้น ฟีดแบ็กจากตลาดต่างประเทศพบว่ามีลูกค้าหันมาหยิบสินค้าจากเชลฟ์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือเพิ่มขึ้นกว่า 10% ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าบรรจุภัณฑ์มีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคอย่างเห็นได้ชัด
ปั้นแบรนด์ผ่าน "หงส์" แดง
"เอกศักดิ์" เล่าให้ฟังถึงกลยุทธ์การปั้นแบรนด์ผ่านทีมหงส์แดงว่า ปีนี้ถือว่าบริษัทเทพผดุงพรฯทุ่มทุนการทำประชาสัมพันธ์และการตลาดสูงมาก โดยบริษัทเทพผดุงพรฯทุ่มงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท ในการเซ็นสัญญาเพื่อเป็นออฟฟิเชียลพาร์ตเนอร์แก่สโมสรฟุตบอลชื่อดังอย่างลิเวอร์พูล แลกกับการมีรูปนักเตะดัง 9 คน บนบรรจุภัณฑ์น้ำมะพร้าว รวมทั้งมีแบนเนอร์โฆษณาบนเว็บไซต์ของสโมสร
"การเข้าไปเซ็นสัญญาครั้งนี้ เราต้องการที่จะให้ชื่อของแบรนด์ติดตัวสโมสรไปด้วย เพราะฐานแฟนบอลของลิเวอร์พูลมีอยู่ทั่วโลก สินค้าที่เป็นตัวชูโรงอย่างน้ำมะพร้าวยูเอชที เป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงาน มีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งทางแบรนด์เองส่งสินค้าไปให้นักฟุตบอลทดลองดื่ม ก็ได้รับการรับรองจากนักโภชนาการของสโมสรเป็นอย่างดี เพราะเราต้องการเจาะกลุ่มลูกค้ารักสุขภาพ แม้กระทั่งช่วงที่สโมสรออนทัวร์ไปประเทศต่าง ๆ ก่อนเปิดฤดูกาล ก็สามารถนำสินค้าไปจัดชิมร่วมกับสโมสรได้อีกด้วย"
ปัจจุบันตลาดหลักของน้ำมะพร้าวคือ สหรัฐอเมริกา 50% รองลงมาคือ ออสเตรเลีย 20% ขณะที่อังกฤษและยุโรป รวมกัน 20% และเอเชียอยู่ที่ 10% เท่านั้น เพราะฉะนั้น การที่เรานำสโมสรฟุตบอลที่อยู่ในใจคนทั่วโลก จึงเชื่อว่านอกจากจะเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ชาวเกาะ ยังทำให้ขยายตลาดมากขึ้นด้วย เพราะระยะเวลา 3 ปีจากเซ็นสัญญา แบรนด์ชาวเกาะจะรุกตลาดมากขึ้น ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ จนทำให้เชื่อว่ายอดขายในปีแรกน่าจะเติบโต 5-10%
ดึง "แม่พลอย" กลับกรุง
ส่วนอีกแบรนด์ที่อยู่ภายใต้บริษัทเทพผดุงพรมะพร้าว คือ แบรนด์ "แม่พลอย" ซึ่งเข้ามาในตลาดกว่า 30 ปี โดยเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์และสนับสนุนสินค้ากลุ่มน้ำกะทิอีกต่อหนึ่ง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศหาวัตถุดิบในการประกอบอาหารไทยยาก พวกเขาต้องการสินค้าประเภทเครื่องแกง, น้ำจิ้มเพื่อความสะดวก ช่วงแรกเราจึงเน้นผลิตสินค้ากลุ่มพริกแกงสำเร็จรูป เครื่องปรุงรสต่าง ๆ และน้ำจิ้ม โดยตลาดหลักกว่า 90% เป็นตลาดต่างประเทศ แต่ปีนี้ทางแบรนด์หวังจะกลับมาทวงพื้นที่ตลาดภายในประเทศบ้าง เพราะยังมีสัดส่วนอยู่น้อยมาก
"เอกศักดิ์" ยอมรับว่าสินค้ากลุ่มเดียวกับแม่พลอยมีเจ้าตลาดอยู่ก่อนแล้ว แต่การดันแม่พลอยให้ติดท็อป 5 ก็ไม่น่าเกินความสามารถ เนื่องจากโรงงานมีระบบมาตรฐานต่าง ๆ ครบถ้วน
"สิ่งแรกที่แบรนด์จะเร่งทำคือ การทำการตลาดผ่านกลุ่มร้านค้าเทรดิชั่นนอลและโมเดิร์นเทรด รวมทั้งกลุ่มลูกค้าภัตตาคาร, ร้านอาหาร (Horeca) โดยแผนการตลาดช่วงแรกจะผ่านการโรดโชว์ ชงชิมไปยังตลาดสดทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลักที่แท้จริง ทั้งกลุ่มแม่บ้าน, ร้านค้า, ร้านอาหาร ส่วนกลุ่มแม่บ้านคนรุ่นใหม่จะประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ หรืออาจจะดึงศิลปิน-ดารามาร่วมโปรโมต"
ดังจะเห็นว่าแบรนด์เดียวกัน แต่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างกัน ฉะนั้น จึงต้องวางแผนการประชาสัมพันธ์แบบเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่หว่านแห ถึงจะทำให้แผนการตลาดประสบความสำเร็จ