กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--กรมป่าไม้
เป็นโครงการที่กรมป่าไม้ได้สนับสนุนพื้นที่ของประชาชนที่มีเอกสารสิทธิในการถือครองพื้นที่ ทำสวนปลูกป่า เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ สีเขียวในพื้นที่ของเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากพื้นที่เสื่อมโทรมขาดความอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ รกร้างที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ นำมาปลูกสวนป่าเชิงพาณิชย์ เพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนนำผลผลิตจากสวนป่ามาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งมาจากแหล่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ประชาชนมีรายได้จากการปลูกสวนป่าเชิงพาณิชย์ช่วยลดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าได้ในระดับหนึ่ง การปลูกไม้เศรษฐกิจที่โตเร็วในช่วงระยะเวลา 3-5 ปี ทำให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้จากการทำสวนป่า โดยการนำงานวิจัยและพัฒนาสวนป่าเชิงเศรษฐกิจและการใช้ไม้สวนป่าเพื่อชุมชนและอุตสาหกรรม ช่วยเสริมสร้างอาชีพทำให้ประชาชนไม่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่า โครงการวิจัยที่กรมป่าไม้ดำเนินการดังกล่าว เป็นการดำเนินงานวิจัยแบบบูรณาการร่วมกับภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และกลุ่มเกษตรกร
นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้ได้สนับสนุนให้มีการจัดสัมมนา "สวนป่าเชิงพาณิชย์ สร้างเศรษฐกิจเพื่อชุมชน" เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีความตั้งใจที่จะนำผลงานวิจัยขยายผลสู่ภาคปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น งานวิจัยเรื่องการคลี่ไม้ไผ่ด้วยไอน้ำเพื่อผลิตไม้ไผ่ประสาน งานวิจัยเรื่องแผ่นฉนวนความร้อนสอดไส้เส้นใยธรรมชาติเพื่อการก่อสร้างจากไม้สวนป่าโตเร็ว งานวิจัยเรื่องความคงขนาดและการแตกของไม้เพื่อการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ยูคาลิปตัสท่อนกลมขนาดเล็ก และการสร้างแหล่งเมล็ดคุณภาพดีของชุมชน เป็นต้น เพื่อนำมาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา และถือเป็นการแบ่งปันประสบการณ์จากนักวิจัยถ่ายทอดสู่ประชาชน สร้างความร่วมมือในด้านการพัฒนาผลิตผลที่ได้จากสวนป่า มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ไม้ได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งในปัจจุบันไม้จากธรรมชาติทั่วโลกมีแนวโน้มลดน้อยลง แต่ความต้องการไม้กลับเพิ่มมากขึ้น กรมป่าไม้จึงพร้อมสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชน ร่วมกันปลูกสร้างสวนป่าเชิงพาณิชย์ อาทิ ต้นสัก ต้นพะยูง และไม้โตเร็ว เช่น ต้นยูคาลิปตัส เพื่อให้ประเทศมีวัตถุดิบจากไม้ สำหรับใช้สอยอย่างเพียงพอ ลดการนำเข้าไม้จากต่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากไม้ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมกลุ่มของผู้ปลูกและผู้ใช้ไม้ นอกจากนี้การปลูกสร้างสวนป่าเชิงพาณิชย์ยังเป็นกลยุทธหนึ่งที่จะเพิ่มพื้นป่าไม้ไม่น้อยกว่า 9 ล้านไร่ภายใน 20 ปีตลอดจนเป็นการช่วยส่งเสริมให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มีการสร้างเครือข่ายระหว่างกลุ่ม เพื่อพัฒนาการปลูกสวนป่าและอุตสาหกรรมไม้อย่างยั่งยืน
ทางด้าน นายวรธรรม อุ่นจิตติชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยและพัฒนาผลิตผลป่าไม้ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กล่าวเสริมว่า งานวิจัยที่นำไม้ยูคาลิปตัสมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ด้วยการใช้เทคนิค MORTISE & TENON (MTT) โดยการเซาะร่องและเจาะ รูเดือย แทนการใช้กาวและอุปกรณ์จับยึด ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดจากตัวไม้ เช่น ปัญหาการโค้งงอ ปัญหาการแตกจากการแปรรูป ทั้งนี้ไม้ยูคาลิปตัสเป็นไม้โตเร็ว แข็งแรง ราคาถูกและยังสามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพพื้นที่ เมื่ออายุ 2-5 ปี จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2- 3 นิ้ว ขึ้นไป การใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่มักจะถูกส่งขายให้กับโรงงานกระดาษ จึงเกิดแนวความคิดในการนำไม้ดังกล่าวมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยผลิตเป็นเครื่องเรือนที่เรียกว่า "เครื่องเรือนจากไม้ท่อนกลมขนาดเล็ก (RUSTIC FURNITURE)" เพื่อใช้ในชุมชนและครัวเรือน ซึ่งมีขั้นตอนการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กและมีจำนวนน้อย หลักการดังกล่าวถือเป็นนวัตกรรมและมีการจดอนุสิทธิบัตรในนามกรมป่าไม้แล้ว เพื่อให้ประชาชนและชุมชนสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ประกอบเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนอีกทางหนึ่งและเป็นการชี้ให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์ไม้ขนาดเล็กด้วยทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้วางแผนการจัดฝึกอบรมและถ่ายเทคโนโลยีในปี พ.ศ. 2560 ให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรมในลักษณะของการทำอุตสาหกรรมภายในครัวเรือนรูปแบบของ SMEs รัฐวิสาหกิจชุมชน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ 02-561-4292-3 ต่อ 5471 เพื่อเข้ารับการถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าว
"การส่งเสริมให้ประชาชนเก็บผลผลิตที่ได้จากสวนป่าของตนเองนำมาสร้างมูลค่านั้น นอกจากสร้างรายได้แล้วยังเป็นการลดปัญหาการบุกรุกแผ้วถางป่าได้อีกทางหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย ของรัฐ พลิกฟื้นผืนป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่จะเน้นให้ประชาชน มีส่วนร่วมในการพิทักษ์ รักษาป่าร่วมกันเพื่อประโยชน์ของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ" นายชลธิศ กล่าว