กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--แฟรนคอม เอเชีย
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทโลจิสติกส์ให้เช่า ที่ดินอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรมแบบครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท ไดวะ เฮาส์ อินดัสทรี จากประเทศญี่ปุ่น สร้างศูนย์โลจิสติกส์ขนาดใหญ่สองแห่งในแหลมฉบังและบางนา-ตราด โดยดับบลิวเอชเอและไดวะ เฮาส์ อินดัสทรีจะถือหุ้นในบริษัทดับบลิวเอชเอ ไดวะ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่นี้ในสัดส่วนร้อยละ 51 และ 49 ตามลำดับ และวางแผนจัดตั้งด้วยทุนจดทะเบียน 850 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการทั้งสองมูลค่ารวม 2,351.5 ล้านบาท
โครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง (LCB) สร้างขึ้นในคอนเซ็ปท์แบบ Built-to-Suit ตั้งอยู่ที่แหลมฉบัง บนที่ดินขนาด 49 ไร่ (78,400 ตารางเมตร) โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวม 45,500 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่เฟสแรกขนาด 22,500 ตารางเมตร เน้นด้านการส่งออก และได้มีการส่งมอบพื้นที่ให้แก่บริษัทฮอนด้าโลจิสติกส์ บริษัทลูกของฮอนด้าไปเมื่อไตรมาสสามของปีที่ผ่านมา ส่วนเฟสที่สองจะมีพื้นที่ราว 23,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงสิ้นปีนี้ และแล้วเสร็จสมบูรณ์ในราวกลางปี 2560 ตามแผนขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของฮอนด้า
ส่วนโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ ชลหารพิจิตร (Chonlaharn) ตั้งอยู่บนพื้นที่บางนา-ตราด มีพื้นที่รวม 77 ไร่ (123,200 ตารางเมตร) และจะมีพื้นที่ให้เช่าราว 74,000 ตารางเมตร โดยจะสร้างในลักษณะ Warehouse Farm เพื่อรองรับความต้องการคลังสินค้าภายในประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ประกอบด้วย 4 อาคาร เพื่อรองรับผู้เช่ารายต่างๆ อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล และฮิตาชิ ทรานสปอร์ต
"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงทุนกับบริษัท ไดวะ เฮาส์ อินดัสทรี ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่นี้ขึ้นมา" นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว "เราจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ของทั้งสองบริษัทโดยอาศัยความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มญี่ปุ่น และเครือข่ายทางธุรกิจของเราทั้งหมด นอกจากนี้ เรายังวางแผนที่จะขยายธุรกิจของเราไปยังประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่น อินโดนีเซียและเวียดนาม อีกด้วย"
"การร่วมทุนกับดับบลิวเอชเอถือเป็นการประสานพลังอันแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน" มร. ทัตสุยะ อูระคาวะ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ไดวะ เฮาส์ อินดัสทรี จำกัด กล่าว "เช่นเดียวกับดับบลิวเอชเอในประเทศไทย นอกจากจะเติบโตขึ้นมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านพาณิชย์กรรมและที่พักอาศัยแล้ว บริษัทของเรายังเป็นผู้พัฒนาคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าแบบ Built-to-Suit ในประเทศญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์หลักของเรา ซึ่งเราจะแบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างและการสร้างเครือข่ายลูกค้าของไดวะ เฮาส์ อินดัสทรีกับดับบลิวเอชเอเพื่อพัฒนาต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จุดแข็งของเราในการดึงดูดลูกค้าจากญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น"
ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารโครงการ ดับบลิวเอชเอจะรับผิดชอบการก่อสร้างเฟสที่เหลืออยู่ของโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ ชลหารพิจิตร ซึ่งถือเป็นสองโครงการแรกของบริษัทร่วมทุนใหม่ รวมถึงเป็นผู้บริหารทรัพย์สินของบริษัท รับผิดชอบด้านการตลาดและการจัดหาผู้เช่าพื้นที่รายใหม่ ทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและบริษัทข้ามชาติ รวมทั้งบริษัทที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3 PLs) อีกด้วย
ในช่วงปี 2561 – 2562 บริษัทคาดว่าจะนำโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ ชลหารพิจิตร ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ซึ่งเริ่มเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2557
ผู้ร่วมทุนทั้งสองบริษัทจะได้ประโยชน์จากกันและกัน ทั้งประสบการณ์และความรู้ด้านธุรกิจโลจิสติกส์มากมาย โดยดับบลิวเอชเอมีพื้นที่คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าและโรงงานให้เช่าราว 2 ล้านตารางเมตรในประเทศไทย ทั้งที่เป็นแบบ Built-to-Suit (BTS) คลังสินค้าแบบ Warehouse Farm ที่มีผู้เช่าหลายราย รวมไปถึงโรงงานสำเร็จรูป (Ready-Built Factories – RBF) และคลังสินค้าสำเร็จรูป (RBW) นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะพัฒนาพื้นที่เช่ารวมกว่า 3 ล้านตารางเมตรภายใน 3 – 4 ปีข้างหน้าด้วย
ในประเทศญี่ปุ่น ไดวะ มีพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ประเภทโลจิสติกส์ทั้งสิ้น 222 แห่ง รวมพื้นที่ให้เช่าราว 6.4 ล้านตารางเมตร ประกอบไปด้วยแบบ Built-to-Suit สำหรับผู้เช่ารายเดียว และคลังสินค้าแบบมีผู้เช่าหลายราย ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการคลังสินค้าแบบระยะสั้นได้ในทันที