กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--พีอาร์ บูม
ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 กับการทำงานเพื่อสานศานติของเสถียรธรรมสถาน ร่วมส่งต่อโอกาสผ่านการให้ด้วยหัวใจรัก พร้อมสร้าง "ธรรมาศรม" งานมหากุศลซึ่งจะช่วยคนให้ "อยู่อย่างมีความหมาย ตายอย่างมีคุณค่า"
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นกาละที่เป็นมหามงคลครบรอบ 10 ปี ที่พระอารยตารามหาโพธิสัตว์ ได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานณ เสถียรธรรมสถาน ในวันนี้นอกจากจะเป็นวันมหามงคลในการทำพิธียกยอดฉัตรทองคำขึ้นประดิษฐานบนพระมหาเจดีย์พระอารยตารามหาโพธิสัตว์หมื่นพระองค์แล้ว ยังนับเป็นวันเริ่มต้นของก้าวสำคัญอีกก้าวของเสถียรธรรมสถานบนเส้นทางแห่งการสรรค์สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างศานติด้วยการเปิดโครงการ "ธรรมาศรม"มอบด้วย "หัวใจ" คืนให้ด้วย "รัก"โครงการที่มุ่งยกย่องหัวใจแห่งการให้และการรับด้วยหัวใจโพธิสัตว์
หากกล่าวถึงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของเสถียรธรรมสถานตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 30 ปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่สุดมิใช่สวนสวยหรือสิ่งปลูกสร้าง หากแต่เป็นการเยียวยาผู้คนด้วยหัวใจแห่งความรักและมุ่งสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ที่จะนำธรรมะมาอาบรดใจคนทุกเพศ ทุกวัย ในบริบทที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มคนอย่างเข้าถึงได้ง่าย
ท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน กล่าวว่า "ธรรมาศรม"ไม่ใช่อีกหนึ่งโครงการ แต่เป็นการร้อยเรียงงานทั้งหมดตลอด 30 ปีของเสถียรธรรมสถานเข้าด้วยกัน โดยงาน "ธรรมาศรม" นี้หากเปรียบกับมนุษย์เราก็เสมือนเป็นเพื่อนผู้ช่วยเยียวยา และในตัวเพื่อนคนนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือจิตวิญญาณของ "ธรรมาศรม" เป็นดั่งศูนย์วิจัยทางธรรม หรือธรรมวิจัย เพื่อสาธิตการนำธรรมะออกไปเยียวยาสังคม เป็นการนำประสบการณ์มากมายตลอด 3 ทศวรรษมาสกัดในห้องแล็บวิจัยชีวิต เพื่อสร้าง "แคปซูลธรรมะ"คือการนำแก่นธรรมในพุทธกาลมาสู่ปัจจุบันกาล ทำของยากให้ง่าย ทำให้แพร่หลาย ทำให้เข้าไปอยู่ในครัวเรือน ช่วยมนุษย์ให้ "อยู่อย่างมีความหมาย"และ"ตายอย่างมีคุณค่า" ได้ทุกเพศและทุกวัย ตั้งแต่ปฏิสนธิจิตจนคืนชีวิตสู่ธรรมชาติ 'อยู่อย่างมีความหมาย'คือไม่อยู่อย่างละเลยโอกาสที่จะได้ทำกุศล และ 'ตายอย่างมีคุณค่า'คือไม่อยู่อย่างตายทั้งเป็น
ในส่วนที่สองเปรียบดั่งร่างกายคือ "อาคารธรรมาศรม" โดยพื้นที่ 2.5 ไร่ด้านในของเสถียรธรรมสถานจะพัฒนาให้เกิด"อาคารธรรมาศรม" เพื่อเป็นอาศรมของผู้ปฏิบัติธรรมในระยะยาว รองรับชีวิตในทุกช่วงวัย ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย สาธิตให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างชุมชนแห่งธรรมที่เกื้อกูลกันได้แม้อยู่ในสังคมเมืองโดย"อาคารธรรมาศรม"นี้ จะเป็นอาคารที่ใช้องค์ความรู้ทาง ธรรมนิเวศ คือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่สัปปายะในทุกด้านที่เกื้อกูลต่อผู้ปฏิบัติธรรมร่วมกับองค์ความรู้ทางธรรมชาติบำบัด สร้างวิถีชีวิตใหม่อย่างเข้าใจธรรมะธรรมชาติ
และการพึ่งพาตนเอง ตั้งแต่การกินอาหารที่ปลอดภัยปราศจากการเบียดเบียน การอยู่ท่ามกลางต้นไม้และสรรพชีวิตใหญ่น้อยที่เกื้อกูลต่อการเห็นธรรมะจากธรรมชาติ การนอนในอาคารสถานที่ที่เกื้อกูลสอดคล้องกับสภาพร่างกายของผู้ปฏิบัติธรรมทุกวัย ตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์ แม่ลูกอ่อน ผู้ป่วย คนชรา และผู้ต้องการธรรมเยียวยาในระยะสุดท้ายของชีวิต โดยอาคารถูกออกแบบให้สามารถรองรับผู้ปฏิบัติธรรมแบบระยะยาวได้ถึง 100 ห้อง ที่มาอุทิศชีวิตร่วมกันในการสร้างชุมชนธรรมวิจัยผ่านการเปลี่ยนร้ายกลายดีของตนเอง"
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดลแพทย์จิตอาสาที่ร่วมงานกับเสถียรธรรมสถานมากว่า 20 ปี กล่าวว่า "จากมุมของผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน เราสามารถกล่าวได้ว่า งาน "ธรรมาศรม" จะเป็นแผนแม่แบบแห่งงานพัฒนาเยาวชนคุณภาพได้เลยทีเดียว นอกเหนือจากการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ หรือ Community Learning ที่เปิดโอกาสให้กับการเรียนรู้และเติบโตทางจิตวิญญาณของอาสาสมัครแล้ว หนึ่งในองค์ความรู้ของธรรมาศรมคือเรื่องของการสร้างอริยะด้วยธรรมะตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาโดยเริ่มจากการสร้าง "โรงเรียนพ่อแม่" เพื่อเตรียมให้พ่อแม่สามารถสร้างกระบวนการการเรียนรู้ที่ตอบสนองและส่งผลให้เด็กๆและเยาวชนไทยในวันนี้ให้ตรงกับสิ่งที่เราได้มุ่งหวังไว้ดังที่คุณแม่ชีศันสนีย์ได้เคยกล่าวไว้ว่า เราอยากให้สังคมไทยเป็นอย่างไร เราก็ต้องปฏิบัติกับเยาวชนไทยอย่างนั้นเช่นกัน"
และอีกหนึ่งองค์ความรู้ที่สำคัญของ "ธรรมาศรม" คือ เรื่อง ธรรมชาติบำบัด ซึ่ง แม่ครูอู่ ชัญญาเศรษฐ-บุตรนักธรรมชาติบำบัดผู้มีจิตอาสา อดีตผู้ป่วยสารพัดโรคได้กล่าวไว้ว่า "ธรรมชาติบำบัด" คือศิลปะแห่งการเยียวยา ด้วยการดูแลตนเองและความเป็นอยู่ให้เกิดความสมดุลและสอดคล้องกับธรรมชาติตัวดิฉันเองเคยป่วยหนักจนต้องทานยาวันละหลายสิบเม็ด แพทย์ผู้ดูแลบอกว่าโอกาสจะหายนั้นแทบไม่มีแล้ว จนได้โอกาสแห่งชีวิตใหม่จากการมาร่วมคอร์สธรรมชาติบำบัดที่นี่ และคุณแม่ชีศันสนีย์ได้สอนว่า เมื่อป่วยไข้ เราไม่สามารถรักษาเพียงร่างกายได้ แต่ต้องเยียวยาจิตใจให้เข้มแข็งด้วยเพราะ 'จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว' ดังนั้น ที่นี่จึงใช้ธรรมะเยียวยาใจ และให้ธรรมชาติเยียวยาร่างกาย นั่นคือหัวใจของ "ธรรมชาติบำบัด" และเมื่อดิฉันได้โอกาสของชีวิตใหม่อีกครั้ง จึงขออุทิศตนในการช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป"
นับตั้งแต่วันที่เราลืมตาดูโลกเป็นวันที่เราได้รับ "โอกาส" แห่งการมีชีวิต โอกาสที่ธรรมชาติและพ่อแม่มอบให้เราอย่างไร้เงื่อนไข และในทุกๆวันของชีวิต เราได้รับโอกาสความรัก ความเมตตาจากสรรพสัตว์และผู้คนรอบข้าง ที่เขาเหล่านั้น มอบด้วย "หัวใจ" และในครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้มอบสิ่งดีๆคืนกลับสู่เขาเหล่านั้นถึงเวลาแล้ว ที่เราจะมา คืนให้ด้วย "รัก" ร่วมกัน เพราะ "ธรรมาศรม" จะสำเร็จลงไม่ได้เลยหากปราศจากสามัคคีธรรม ความรัก ความกตัญญู ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ
สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการร่วมทำ "บุญ" เพื่อเป็น "ทุน" ในการสร้าง "ธรรมาศรม" อาศรมของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เสถียรธรรมสถาน โทร. 02-519-1119หรือ091–831-2294หรือ สามารถเข้ามาบริจาคด้วยตนเองได้ที่ เสถียรธรรมสถาน ถนนวัชรพล (รามอินทรา 55) ได้ทุกวัน