NIKKOR ฉลองชัยกับความสำเร็จด้วยยอดผลิตทะลุ 100 ล้าน ความนิยมอย่างต่อเนื่องจากผู้ใช้ทำให้ NIKKOR เลนส์สำหรับกล้องชนิดถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ มียอดการผลิตเข้าสู่หลัก 100 ล้าน

ข่าวเทคโนโลยี Monday August 1, 2016 17:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จอันน่าภาคภูมิ ด้วยยอดการผลิตเลนส์ NIKKOR รวมทั้งสิ้นทะลุยอด 100 ล้านชิ้น*1 ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ หลังจากที่ได้เริ่มผลิตมายาวนานตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ประวัติศาสตร์อันมีชื่อเสียงของ NIKKOR เริ่มขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2475 หลังจากที่บริษัท นิคอน ซึ่งในขณะนั้นมีชื่อว่า Nippon Kogaku KK ได้เริ่มจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้กับ NIKKOR ตามติดมาด้วยการเปิดตัวเลนส์ถ่ายภาพทางอากาศ Aero-Nikkor ในปี พ.ศ. 2476 และต่อมาในปี พ.ศ. 2502 นิคอนได้เปิดตัวกล้องเอสแอลอาร์ Nikon F พร้อมกับชุดเลนส์ NIKKOR รุ่นแรกที่สามารถนำมาใช้ได้กับกล้องเอสแอลอาร์ของนิคอน ซึ่งเลนส์ชุดนี้รวมถึงรุ่น NIKKOR-S Auto 5cm f/2 ที่โด่งดังด้วย · แบรนด์ NIKKOR NIKKOR เป็นชื่อแบรนด์เลนส์ถ่ายภาพของนิคอน โดยคำว่า NIKKOR มาจากการนำเอาตัวอักษร "R" มาต่อท้ายคำว่า "NIKKO" ซึ่งเป็นคำย่อที่ได้มาจากการสะกดชื่อในภาษาอังกฤษของ Nippon Kogaku KK อันเป็นชื่อดั้งเดิมครั้งเริ่มก่อตั้งบริษัทฯ ซึ่งการตั้งชื่อเลนส์ถ่ายภาพแบบนี้ถือเป็นวิถีปฏิบัติทั่วไปสำหรับในยุคนั้น ทุกขั้นตอนตลอดทั้งเส้นทางการผลิตก่อนที่จะได้เป็นเลนส์ NIKKOR ใหม่หนึ่งชิ้น เริ่มตั้งแต่การออกแบบและพัฒนาขั้นต้นไปจนถึงการผลิตและการตรวจสอบครั้งสุดท้ายนั้น ได้รับการควบคุมให้มีคุณภาพถูกต้องตรงตามมาตรฐานเฉพาะของนิคอนทุกประการ เพื่อกลั่นกรองจนให้ได้เลนส์ NIKKOR คุณภาพสูงที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน นิคอนมีเลนส์ NIKKOR ให้เลือกใช้งานได้กว่า 90 ชนิด ตั้งแต่เลนส์ทางยาวโฟกัสคงที่ (เลนส์ไพร์ม) ที่ครอบคลุมจากแบบมุมกว้างพิเศษไปจนถึงแบบซูเปอร์เทเลโฟโต้ เลนส์ฟิชอาย เลนส์ซูม เลนส์ไมโคร และเลนส์ PC-E ที่สามารถรองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ตลอดจนเลนส์ 1 NIKKOR สำหรับกล้อง Nikon 1 นอกจากนั้น นิคอนยังได้เปิดตัวเว็บไซต์ NIKKOR.com (www.nikkor.com) สำหรับผู้สนใจการถ่ายภาพทั่วโลกให้สามารถร่วมแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจของเลนส์ NIKKOR จากรอบโลก พร้อมหลากหลายรูปแบบเนื้อหาสาระที่น่าประทับใจ รวมไปถึงผลงานภาพถ่ายและภาพยนตร์ที่ได้จากการบันทึกผ่านเลนส์ NIKKOR วีดีโอบทสัมภาษณ์นักออกแบบเลนส์ และอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะเดียวกัน ก็มีเว็บไซต์ที่เจาะจงสำหรับผู้สนใจในเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน เว็บไซต์ดังกล่าวคือ I AM | MY NIKKOR (mynikkor.com) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และจุดประกายในการก้าวสู่ประสบการณ์ที่ท้าทายให้กับเหล่าช่างภาพของนิคอน · Nikon เมาท์ F (Nikon F-Mount) เพื่อนร่วมทางอันยาวนานมากว่า 50 ปีของเลนส์ NIKKOR เมาท์ F ของนิคอนได้ถูกนำมาใช้กับกล้องเอสแอลอาร์รุ่และเลนส์ NIKKOR เป็นเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ นับจากวันที่นิคอนเริ่มเปิดตัวกล้องเอสแอลอาร์รุ่นแรกของบริษัทฯ ใน พ.ศ. 2502 ซึ่งกล้องตัวนั้นมีชื่อว่า Nikon F ดังนั้น เมาท์เลนส์ตัวนี้จึงมีชื่อเรียกว่า Nikon F-Mount ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัว Nikon F-Mount ในปี 2493 ได้มีการใช้เมาท์แบบสลัก โดยการใช้วัสดุสเตนเลส หรือเหล็กกล้าไร้สนิมที่มีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับในเรื่องความทนทานที่เหนือกว่า และป้องกันการกัดกร่อนได้ดีกว่า รวมทั้งการออกแบบโดยพื้นฐานของเมาท์นี้ยังสามารถรองรับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่ขยายขึ้นของเลนส์ได้อีกด้วย มีการนำเอาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในแต่ละยุคมาปรับใส่ไว้ในเมาท์เลนส์ F นี้มาโดยตลอด รวมถึงเรื่องระบบควบคุมรูรับแสงและออโตโฟกัสด้วย ซึ่งนิคอนจะยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถรองรับการใช้งานของเลนส์และกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุดได้อยู่เสมอ · คุณสมบัติเด่นของเลนส์ NIKKOR ที่สร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม OPTIA นอกเหนือไปจากการพัฒนาเทคโนโลยีล่าสุดของเลนส์และกล้องถ่ายรูป ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาปรับใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ แล้ว นิคอนยังทุ่มเทในส่วนของงานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถในการตรวจสอบและประเมินผลประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ในปี พ.ศ. 2556 นิคอนได้เริ่มพัฒนาและใช้งาน OPTIA*2 ซึ่งเป็นอุปกรณ์เพื่อตรวจวัดความผิดเพี้ยน*3 ทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นกับเลนส์ถ่ายภาพที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของสเต็ปเปอร์ ไอซี และสแกนเนอร์ และได้มีการนำ OPTIA มาใช้กับเครื่องจำลองภาพเฉพาะทางอีกด้วย ทั้งนี้ OPTIA และเครื่องจำลองภาพเฉพาะทางยังคงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตรวจสอบ และประเมินคุณสมบัติของเลนส์ NIKKOR ในทุกวันนี้ OPTIA มีเซ็นเซอร์วัดความผิดเพี้ยนของเลนส์ถ่ายภาพที่จะสามารถตอบสนองต่อ "คุณสมบัติของเลนส์" ซึ่งเมื่อใช้กับอุปกรณ์จำลองการสร้างภาพ จะสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติด้านต่างๆ ของเลนส์ อาทิ โบเก้ การเก็บภาพพื้นผิวและความชัดลึก กับระดับของความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถพัฒนาเลนส์โดยการควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าจะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติของเลนส์ หนึ่งในเลนส์ที่ได้รับการออกแบบโดยการใช้ OPTIA ก็คือ เลนส์ AF-S NIKKOR 105mm f/1.4E ED ใหม่ ที่ได้รับการเปิดตัวในวันนี้ ด้วยแนวคิดในการ "ถ่ายทอดความถูกต้องทุกมิติ" อันเป็นคุณสมบัติในการบันทึกผลงานภาพถ่ายที่เหนือกว่า ซึ่งถือเป็นการถ่ายทอดนิยามความสมบูรณ์แบบของนิคอนในการจำลองวัตถุสามมิติลงไปบนระนาบสองมิติซึ่งก็คือภาพถ่าย ให้ออกมาเป็นผลงานที่ดูเป็นธรรมชาติ มันช่วยให้ภาพดูมีมิติสมจริงในขณะที่ยังคงถ่ายทอดวัตถุหลักของภาพออกมาได้อย่างน่าประทับใจ พร้อมๆ กับคุณสมบัติในการสร้างโบเก้สวยๆ ที่จะไล่ระดับลงไปอย่างงดงามตามระยะที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากจุดโฟกัส นิคอนจะฉลองครบรอบ 100 ปีใน พ.ศ. 2560 ด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่า พร้อมการควบคุมคุณภาพที่รัดกุมยิ่งขึ้นไปอีกขั้น พร้อมๆ กับการนำเสนอบริการที่มุ่งสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้สินค้า 1 เลนส์ชนิดถอดเปลี่ยนได้ สำหรับกล้องเอสแอลอาร์ของนิคอน และกล้อง Nikon 1 2 Optical Performance and Total Image Analyzer 3 ความผิดเพี้ยนเกิดขึ้นเมื่อแสงจากจุดหนึ่งของวัตถุไม่บรรจบตรงกันเป็นจุดเดียวหลังจากที่แสงถูกส่งผ่านระบบเลนส์หรือการถ่ายภาพ ทำให้ภาพดู "กลืน" หรือ "พร่าเลือน" ความผิดเพี้ยนอาจทำให้วัตถุในภาพถ่ายมีรูปทรงที่แตกต่างไปจากความเป็นจริง
แท็ก เลนส์   ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ