กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน จัดสัมมนางาน Thailand ESCO Fair 2016 "ESCO ก้าวหน้า ประชารัฐก้าวไกล พาไทยประหยัดพลังงาน" เมื่อวันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ณ ห้องบอลรูม ชั้น 2 โรงแรมสวิส โซเทล เลอคองคอร์ด กรุงเทพฯ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบ ESCO เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของทุกประเทศทั่วโลก ส่งผลให้เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะขับเคลื่อนความต้องการพลังงานของโลกให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) ได้เปิดเผยรายงานทิศทางพลังงานโลก หรือ International Energy Outlook 2016 (IEO2016) เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2559 ว่า การบริโภคพลังงานของโลกจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48 ในช่วง 3 ทศวรรษข้างหน้า โดยที่มีกลุ่มประเทศในเอเชียเป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งนี้แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การจัดหาแหล่งพลังงานมีอุปสรรคมากขึ้น รวมถึงประเด็นด้านราคาพลังงานที่สูงขึ้นและแหล่งพลังงานที่มีจำกัด จึงเป็นความท้าทายของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ในฐานะประเทศที่มีการบริโภคและนำเข้าพลังงานในระดับที่สูงแต่มีทรัพยากรพลังงานในประเทศจำกัด (Deficit Energy Economy)
"กระทรวงพลังงาน มีนโยบายหลักด้านพลังงาน ในหลายมิติ ทั้งด้านการปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การแสวงหาและพัฒนาแหล่งพลังงานและระบบไฟฟ้าจากทั้งในและต่างประเทศ การกระจายแหล่งและประเภทพลังงานให้มีความหลากหลาย เหมาะสม และยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งถือเป็นนโยบายประการสำคัญที่กระทรวงพลังงานต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานในระดับสูง และจำเป็นที่ต้องมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนพลังงาน กระทรวงพลังงานจึงกำหนดแนวนโยบายส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่มีประสิทธิภาพ คือมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโดยกลไกบริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company) หรือ ESCO ซึ่งถือเป็นมาตรการหนึ่งที่กระทรวงพลังงานได้ให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีการรับประกันผลอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อให้เกิดการบรรลุเป้าหมายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีนั้น กระทรวงจะยังคงมุ่งเน้นการส่งเสริม ESCO ให้เป็นมาตรการหลักที่มีการดำเนินการต่อไปในระยะยาวไปพร้อมๆ กับการดำเนินมาตรการในด้านอื่นๆ โดยจะส่งเสริมให้บริษัท ESCO เพิ่มศักยภาพการให้บริการมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ขยายผลการดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบ ESCO ให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งภาคเอกชนและราชการ รวมถึงมีมาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นตลาดและธุรกิจ ESCO ให้มีการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่ความมั่นคงทางพลังงานของประเทศในระยะยาวต่อไป" ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
นายดนัย เอกกมล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า จากแนวโน้มสถานการณ์การใช้พลังงานในปี 2559 กระทรวงพลังงาน คาดว่า การใช้น้ำมันสำเร็จรูปจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ในอัตรา 3.0% ซึ่งเป็นการประมาณการตัวเลขที่สอดรับกับ GDP ของประเทศในปี 2559 ที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3.0 - 4.0% กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จึงได้กำหนดนโยบายและแนวทางเพื่อกำกับดูแลและส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในทุกๆ สาขาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในแนวทางหลักที่ได้มีการดำเนินการเป็นรูปธรรมคือ การจัดทำแผนอนุรักษ์พลังงานระยะ 20 ปี (ปี 2558-2579) ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายให้มีค่าดัชนีการใช้พลังงานรวมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ณ ปี พ.ศ. 2573 ลดลงให้ได้ร้อยละ 30 โดยภายใต้แผนฯ ดังกล่าว ได้กำหนดยุทธศาสตร์หลัก คือ การให้มืออาชีพและบริษัทจัดการพลังงาน Energy Service Company หรือ ESCO เป็นกลไกสำคัญเพื่อให้คำปรึกษาและดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ที่สามารถให้บริการแบบครบวงจรและเสริมสร้างผู้ประกอบการให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยรับประกันผลประหยัดและชดเชยส่วนต่างกรณีผลที่ได้รับไม่เป็นไปตามข้อตกลง ด้วย
"ที่ผ่านมา พพ. ได้ร่วมมือกับ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการร่วมกันส่งเสริมให้เกิดการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานด้วยกลไกบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) ในหลายด้าน อาทิ การสร้างมาตรฐานในการปฏิบัติงาน การจัดกิจกรรมกระตุ้นและส่งเสริมตลาดในธุรกิจ ESCO การพัฒนาศักยภาพและให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ซึ่งผลการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานด้วยกลไก ESCO ในช่วงปี พ.ศ. 2556 - 2558 ที่ผ่านมา สามารถผลักดันให้เกิดสัญญาการลงทุนโครงการอนุรักษ์พลังงานด้วยกลไก ESCO ได้ถึง 288 โครงการ โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 16,056 ล้านบาท และก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงานได้เป็นมูลค่ากว่า 3,338 ล้านบาทหรือคิดเป็น 53.29 ktoe อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในปี 2559 นี้ พพ. ได้วางกรอบการดำเนินงานด้านการกระตุ้นตลาดและสร้างความเชื่อมั่นในโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบ ESCO งานการพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานและความเป็นมืออาชีพสำหรับบริษัทจัดการพลังงาน โดยให้ความสำคัญในการศึกษากฎระเบียบและวิธีปฏิบัติต่างๆ จัดทำร่างกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงจัดทำแนวทางแผนกลยุทธ์ในการผลักดันการอนุรักษ์พลังงานโดยกลไกบริษัทจัดการพลังงานให้กับหน่วยงานราชการ และจัดทำโครงการนำร่องการอนุรักษ์พลังงานในรูปแบบ ESCO (ESCO Pilot Projects) ที่เหมาะสมในหน่วยงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ และเพื่อเป็นการสานต่อ และขยายผลการดำเนินงานดังกล่าว พพ. จึงได้ร่วมมือกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนา Thailand ESCO Fair ในวันนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับธุรกิจบริษัทจัดการพลังงานที่เกิดจากการพัฒนามาตรฐานความเป็นมืออาชีพของ ESCO ให้มีศักยภาพสูงในการให้บริการ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมั่นใจในการลงทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นด้วย ESCO" อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าว
ด้าน นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า งาน Thailand ESCO Fair 2016 "ESCO ก้าวหน้า ประชารัฐก้าวไกล พาไทยประหยัดพลังงาน" เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมธุรกิจและกระตุ้นตลาดการอนุรักษ์พลังงานโดยกลไกบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) ภายใต้การสนับสนุนจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยจัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นขยายตลาดการอนุรักษ์พลังงานโดยกลไก ESCO และสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการทั้งในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริษัทจัดการพลังงานที่มีมาตรฐานในการดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างประสบผลสำเร็จ
"Thailand ESCO Fair 2016 ถือเป็นงานที่เป็นทั้งงานสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการ เป็นเวทีกลางในการพบปะกันระหว่างบริษัทจัดการพลังงาน และผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จด้านการอนุรักษ์พลังงานด้วยบริการแบบมืออาชีพของบริษัทจัดการพลังงาน รวมถึงสถาบันการเงิน และหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนที่ให้บริการด้านการอนุรักษ์พลังงานอีกด้วย โดยงานครั้งนี้นับเป็นการรวมตัวของบริษัทจัดการพลังงานไทยครั้งใหญ่ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีความสนใจเรื่องการอนุรักษ์พลังงานพบกับเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน และการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงาน ได้เข้าชมและเลือกใช้บริการของบริษัทจัดการพลังงาน อันจะนำมาพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งและสามารถสร้างผลประกอบการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันกับตลาดโลกในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สภาอุตสาหกรรมฯ หวังว่างาน Thailand ESCO Fair 2016 ในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งส่งผลให้เกิดการขยายตลาดของธุรกิจ ESCO และทำให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และอาคารธุรกิจ รวมถึงอาคารภาคราชการหรืออาคารรัฐวิสาหกิจ ที่สนใจประหยัดพลังงานเกิดความเชื่อมั่นในการให้บริการของ ESCO เป็นไปตามมาตรฐาน และส่งผลให้เกิดความมั่นใจในการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานเพิ่มมากขึ้น" ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ส.อ.ท. กล่าว