กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--เดียริสติก เอเจนซี่
"แสงคือชีวิต" คำกล่าวนี้คงจะไม่ได้กล่าวอ้างเกินความเป็นจริง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของเราไม่ได้ถูกจำกัดเพียงเฉพาะในเวลากลางวัน ที่ต้องพึ่งพาอาศัยแสงไฟธรรมชาติจากดวงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว แสงก่อให้เกิดการพัฒนาให้กับชีวิตในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านการอยู่อาศัย การศึกษา การแพทย์และสาธารณสุข การประกอบธุรกิจ ไปจนถึงการตอบสนองไลฟ์สไตล์เพื่อความบันเทิง
ปัจจุบัน..เมื่อไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ก้าวข้ามสู่ยุคดิจิตอลที่สามารถเชื่อมโลกทั้งใบไว้ในสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวผ่านระบบอินเตอร์เน็ต และ Wi-Fi ความเร็วสูงที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตเพียงปลายนิ้วสัมผัสได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งหากย้อนกลับเมื่อ 20 ปีก่อน เราอาจจะคิดว่าเป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ล้ำอนาคตเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงยุคนี้ เมื่อชีวิตสมาร์ต...การใช้แสงไฟของเราก็พัฒนาสู่ "ระบบแสงอัจฉริยะ (Smart Lighting)" ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยี พัฒนาหลอดไฟที่ไม่เพียงแค่ให้แสงและความสว่าง แต่ยังมาพร้อมกับ "ความอัจฉริยะ" ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิต เพิ่มความปลอดภัย และลดการใช้พลังงานไปพร้อมๆ กัน
นางสาวพาขวัญ เจียมจิโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด ผู้จัดงาน Thailand Lighting Fair 2016กล่าวว่า "Smart Lighting เป็นเทคโนโลยีการออกแบบแสงสว่างให้ได้ซึ่งประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และตอบสนองการควบคุมแบบอัตโนมัติให้เป็นไปตามไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของแต่ละคน โดยตั้งค่าโปรแกรมข้อมูลไว้สำหรับช่วงเวลาในแต่ะวัน หรือสามารถปรับเลือกใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการในช่วงเวลานั้น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังระบบแสงอัจฉริยะยังให้ประโยชน์ในด้านความสวยงามและการสร้างบรรยากาศ ซึ่งความสวยงามของแสงก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ผู้ออกแบบระบบโคมไฟและแสงสว่างคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจะรวมไปถึงงานแสงสว่างทั่วไป (General Lighting) แสงเพื่อควบคุมบรรยากาศ (Ambient Lighting) และแสงที่ให้บรรยากาศ (Accent Lighting)"
ในปี 2563 สำหรับรูปแบบของเทคโนโลยีจะถูกพัฒนาไปในรูปแบบของการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Energy Efficiency) เนื่องจากปัญหาสภาวะโลกร้อน และปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้น และกฎหมายในการประหยัดและอนุรักษ์พลังงานของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ส่งผลให้ทางด้านตลาดไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ (Smart Lighting)ทั่วโลกมีแนวโน้มการเติบโตอย่างเด่นชัด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เพื่อการประหยัดงานและโซลูชั่นที่สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จากผลการศึกษาของ MarketsandMarkets ในหัวข้อ "Smart Lighting Market - Global Forecast to 2020" คาดการณ์ว่าตลาดไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะจะมีมูลค่าสูงถึง 244,000 ล้านบาท (8,140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2563 เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ถึงร้อยละ 22.07
วิวัฒนการของ "ระบบแสงอัจฉริยะ"
แนวคิดของระบบแสงอัจฉริยะ (Smart Lighting)เกิดจากความต้องการใช้แสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์เพื่อลดการใช้แสงที่มนุษย์สร้างขึ้น และการควบคุมการใช้แสงไฟ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่พัฒนาให้เกิดการคิดค้น ระบบแสงอัจฉริยะคือความต้องการที่จะลดการใช้พลังงาน ซึ่งจัดการควบคุมแสงสว่างแบบ Smart Lighting เป็นวิธีการที่ช่วยในการลดและประหยัดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ทั้งจากการควบคุมระยะไกล การทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความร้อน แสงและการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า ความสามารถนี้ช่วยประหยัดพลังงานและช่วยเพิ่มความสะดวกสบายจากการออกแบบแสงสว่างที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน
ในอดีต แสงไฟที่นิยมใช้คือแสงของหลอดฮาโลเจน เป็นหลอดขนาดเล็กที่ให้แสงสว่างและควบคุมลำแสงได้ดี อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับสวิตซ์ปรับแสง (Dimmer) ได้อีกด้วย แต่ข้อเสียคือมีอายุการใช้งานน้อย เปลืองพลังงาน และยังให้ความร้อนเช่นเดียวกับหลอดไส้ (Incandensence) ทำให้มีความร้อนสะสมเพิ่มอุณหภูมิภายในห้องอีกด้วย
ต่อมาได้มีการพัฒนาหลอดไฟ LED และมีการนิยมใช้งานอย่างแพร่หลายด้วยประสิทธิภาพที่มีมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ ทั้งในเรื่องของการประหยัดพลังงานถึง 3 เท่าในปริมาณแสงสว่างที่เท่ากัน ราคาที่ถูกลงกว่าเดิม อีกทั้งยังพัฒนาให้มีแสง Warm White ที่สามารถทดแทนแสงจากฮาโลเจน และยังเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Dimmer ได้อีกด้วย นอกจากนี้ความปลอดภัยจากการใช้หลอดไฟ LED ทำให้แสงสว่างที่ได้จากการใช้งานไม่เกิดอันตรายจากรังสีอินฟาเรด รังสีอัลตร้าไวโอเลท สารปอท และการไม่เกิดการกระพริบของแสงซึ่งเป็นอันตรายต่อสายตา และจากการที่หลอดไฟ LED ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมากทำให้ลดการสูญเสียไฟฟ้าในส่วนของเครื่องปรับอากาศ ช่วยทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย
หลอดไฟ LED จึงตอบโจทย์ในเรื่องของการประหยัดพลังงานและความต้องการของไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นหลอดไฟ LED มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทำให้มีแนวโน้มว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้หลอดไฟ LED ให้แสงสว่างแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ทั้งหมด
ปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ในยุคของ Digitalisation ที่การติดต่อสื่อสารมีอิทธิพลในการใช้ชีวิตของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ประกอบกับในชีวิตประจำวันที่สะดวกสบายมากขึ้นสามารถดูหนังได้ทุกที่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและ Wi-Fi หรือแม้กระทั่งสามารถควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย เปิดปิดประตูบ้าน เปิดแอร์ ไปจนถึงการควบคุมแสงสว่างจากหน้าจอมือถือ ระบบที่เข้ามาจัดการควบคุมและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานเรียกคลอบคลุมได้ว่าระบบ Smart System ซึ่งถ้าหากเป็นระบบที่ควบคุมเฉพาะแสงสว่างจะเรียกว่า Smart Lighting หรือนวัตกรรมเทคโนโลยีไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ
การใช้แสงแบบลดแสงอัตโนมัติ (Dimmer System) เป็นลักษณะของ Smart Lighting ที่ทำหน้าที่ในการลดการใช้พลังงาน วัตถุประสงค์หลักของการหรี่ไฟ หรือ Dim ไฟก็เพื่อความสวยงามและเพื่อการประหยัดพลังงาน เกิดจากการควบคุมการเปิดปิดที่เหมาะสม เป็นแนวทางการบริหารจัดการพลังงาน
การใช้เซ็นเซอร์ Daylight ตรวจจับ - เป็นการตั้งการค่าการเปิดปิดแสงสว่างอัตโนมัติโดยวัดจากระดับความเข้มข้นของแสงจากธรรมชาติโดยรอบเพื่อลดการใช้พลังงาน เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แต่แสงและระบบเหล่านี้ยังไม่ค่อยมีความเสถียร เนื่องจากหลายครั้งที่อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบ่อยครั้งที่ไฟอาจจะปิดและเปิดไม่เป็นเวลาก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนหรือเมื่อช่วงเวลาในเวลากลางวันที่มีความเปลี่ยนแปลงรอบชั่วโมงความสว่างก็เปลี่ยน และอื่นๆ เช่นการตรวจสอบความเคลื่อนไหว (Microwave) การตรวจจับความร้อน (Infrared) และการตรวจวัดเสียง กล้องอินฟาเรดตรวจจับ ความเคลื่อนไหวของแสงต่อกับเซ็นเซอร์ที่ประตู กล้องความร้อนเรดาร์ไมโคร การใช้ Smart Lighting เพิ่มความปลอดภัย ทั้งไฟฉุกเฉิน รวมถึงการเตือนความผิดปกติของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน อัคคีภัย และผู้บุกรุก
การควบคุมจากระยะไกลโดย Application มือถือ - Smart Lighting ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตโดยให้เราสามารถควบคุมระบบแสงไฟและเข้าถึงได้ทุกที่ผ่านระบบโทรศัพท์มือถือเพื่อความปลอดภัยในบ้านของเรา และสามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ล็อกประตู ปรับอุณหภูมิ จากที่ใดก็ได้ในโลก การเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านเครือข่าย Wi-Fi เป็นแนวโน้มการเติบโตที่นำไปสู่การพัฒนา Smart Lighting ซึ่งสามารถควบคุมสวิตซ์ที่ต่อตรงไปยังระบบ Automation และสามารถควบคุมได้โดยตรงจากสมาร์ตโฟน ทั้งยังมีฟังก์ชั่นการทำงานเดียวกันโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหลอดไฟทุกหลอด เพียงแค่ติดตั้งสวิตซ์ใหม่แบบ Automation และเชื่อมต่อสิ่งเหล่านี้ไปยังเครือข่าย Wi-Fi จะสามารถควบคุมไฟผ่านโทรศัพท์มือถือได้ไม่ว่าจะสุขสบายอยู่บนเตียงหรือกำลังพักผ่อนวันหยุดในต่างประเทศ
การรักษาความปลอดภัย - นอกจากนี้ Smart Lighting ยังสามารถช่วยตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าหรือในกรณีที่มีผูบุกรุกบ้านในขณะที่เราอยู่นอกบ้านด้วยความสามารถในการแจ้งเตือนและการเข้าถึงการควบคุมแสงภายในบ้านผ่านทาง Application มือถือซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Home Automation เพื่อเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยที่บ้านไม่ใช่เพียงแค่เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต
การออกแบบแสงตามไลฟ์สไตล์ - สิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของการออกแบบแสงสว่างคือบรรยากาศของแสงที่สามารถตอบสนองให้สอดคล้องกับการใช้งาน Smart Lighting จึงเป็นทางเลือก โดยเพียงปุ่มสัมผัสเดียวก็สามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ของแสงได้ตามต้องการ กล่าวง่ายๆ คือ Smart Lighting ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศการจัดแสงให้สวยงาม และสะดวกสบาย อีกทั้งประสิทธิภาพในการควบคุมและการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยควบคุมแสงในระบบรักษาความปลอดภัย และสามารถกำหนดแสงของเราได้เองอัตโนมัติเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ และการใช้ชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย โดยไม่ต้องสัมผัสสวิตซ์ไฟใดๆ เลย
"Smart Lighting เป็นเทคโนโลยีการออกแบบแสงสว่างให้ได้ซึ่งประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และตอบสนองการควบคุมแบบอัตโนมัติให้เป็นไปตามโปรแกรมที่ป้อนข้อมูลไว้สำหรับช่วงเวลาในแต่ะวัน หรือสามารถปรับเลือกใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งความงามของแสงก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ผู้ออกแบบระบบโคมไฟและแสงสว่างคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจะรวมไปถึงงานแสงสว่างทั่วไป (General Lighting) แสงเพื่อควบคุมบรรยากาศ (Ambient Lighting) และแสงที่ให้บรรยากาศ (Accent Lighting)" นางสาวพาขวัญ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจระบบแสงไฟอัจฉริยะสามารถเข้ามาศึกษานวัตกรรมเทคโนโลยีไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะได้ที่งานแสดงสินค้านานาชาติ Thailand Lighting Fair 2016 ซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Smart Lights. Smart Life- นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อชีวิต" โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2559 ณ ฮอลล์ 101 –102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandlightingfair.com