กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศว่า มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 32,637 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯ รวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 9,130 ล้าน ลบ.ม. (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ส.ค. 59)
สำหรับสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จำนวน 20.30 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ 540 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ จำนวน 25.08 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ 1,244 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแควน้อยฯ จำนวน 7.87 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ 353 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนป่าสักฯ จำนวน 8.07 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ 306 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้ปัจจุบันทั้ง 4 เขื่อนหลัก มีน้ำใช้การได้ประมาณ 2,443 ล้าน ลบ.ม.
พลเอก ฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีของผักตบชวาปริมาณมากกว่า 55,000 ตันบริเวณหน้าเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระยะทาง 5.0 กม. นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ ลงพื้นที่เพื่อเร่งกำจัดผักตบชวาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 59 ที่ผ่านมา โดยใช้รถโกยตัก (Back Hoe) ลงบนโป๊ะ จำนวน 11 ชุด เข้าตักเก็บผักตบชวา ในอัตรา 35 - 40 ตัน/ชม. (ทั้ง 11 ชุด รวมกัน) ซึ่งปัจจุบันได้มีการกำชับให้ดำเนินงานตลอด 24 ชม. คาดว่าจะสามารถดำเนินการกำจัดผักตบชวาได้ทั้งหมด ภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2559 อย่างแน่นอน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาการเน่าเสียของน้ำที่จะกระทบกับประชาชน
ด้านนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเน้นย้ำว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้เร่งดำเนินการกำจัดผักตบชวาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เนื่องจากได้มีการประสานความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ นอกจากนี้ ยังได้วางแผนการดำเนินงาน โดยจะวางเครื่องจักรไว้ที่บริเวณที่มีผักตบชวาเลย ทั้งนี้ กรมชลประทาน ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งจะมีการดูแลอย่างครบวงจร เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจต่อไป