กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--ซี.เอ.อินโฟ มีเดีย
กรมทรัพย์สินทางปัญญาพลิกโฉม IP FAIR 2016 หนุน Start up และ SMEs ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา
กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศขานรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ชูนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีพัฒนาสินค้าและบริการ และต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ จัดงานมหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา IP FAIR 2016 แพลทฟอร์มให้นักประดิษฐ์ เจ้าของผลงานทรัพย์สินทางปัญญา นักคิดรุ่นใหม่เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา และนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ ภายใต้แนวคิด Innovation for Life and Living : Smart Living, Food, Health and Wellness ระหว่างวันที่ 11-14 สิงหาคม ศกนี้ ณ ห้อง เพลนารีฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะจัดงานมหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP Fair 2016 ขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 สิงหาคม ศกนี้ ณ ห้องเพลนารีฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด Innovation for Life and Living ; Smart Living, Food, Health and Wellness บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร โดยจะมีผู้ประกอบการเจ้าของผลงานทรัพย์สินทางปัญญาทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และ Start up เข้าร่วมนำเสนอผลงานในงานครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 200 ราย
นางนันทวัลย์กล่าวว่า "รูปแบบหลักของการจัดงานคือการแสดงนวัตกรรม และผลงานทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการ การสัมมนา การอบรมเพื่อให้ความรู้ การจัดและจำหน่ายสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาประเภทต่างๆ โดยภายในงานแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ได้แก่ โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ แสดงผลงานทรัพย์สินทางปัญญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ โซน IP Champion แสดงผลงานของผู้ที่ประสบความสำเร็จในการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ โซน GI market การสาธิตและจำหน่ายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากทั่วไทยและอาเซียน ได้แก่ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น โซน Business matching พื้นที่เจรจาจับคู่ธุรกิจ และกิจกรรม Pitching ชิงเงินรางวัล โซนเวทีกลาง กิจกรรม DIY การเสวนา Success Case ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจด้วยทรัพย์สินทางปัญญา โซนเสวนา/สัมมนา ได้แก่ การประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา และการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ // แบรนด์ไทยสู่แบรนด์โลก (Madrid Protocol) และกฎหมายการค้าใหม่ // ชี้ช่องรวยได้ IP (เรียนรู้ความสำเร็จจากการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา) และทำอย่างไรให้ Animation ไทยรวยได้
โดยในปีนี้มีรูปแบบโซนกิจกรรมใหม่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา คือ โซนนิทรรศการแนวโน้มเทคโนโลยีและกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรม แสดงนิทรรศการและกิจกรรม Workshop สืบค้นและวิเคราะห์ทิศทางของเทคโนโลยีแต่ละด้านจากข้อมูลสิทธิบัตร โซน Makerspace กิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ และ Gadget ต่าง ๆ โซน Pavilion การแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนของไทย และต่างประเทศ โซน New idea and prototype แสดงผลงานนวัตกรรมต้นแบบที่พร้อมจับคู่ธุรกิจ โซน Trading and shopping จำหน่ายสินค้านวัตกรรม โซน Startup แสดงผลงานนวัตกรรมของนักประดิษฐ์รุ่นใหม่
งานในปีนี้จะแตกต่างจากงานในปีที่ผ่านมาอย่างมาก โดยจะเน้นเปิดโอกาสให้นักประดิษฐ์เจ้าของนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาได้นำสินค้า ผลงานวิจัยมาจัดแสดงและจับคู่ธุรกิจ โดยกรมมีหนังสือเชิญไปยังกลุ่มผู้ประกอบการต่าง ๆ เพื่อให้มา shop สินค้านวัตกรรมไปต่อยอดสินค้าหรือธุรกิจ มีกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) สำหรับผลงานทั้งหมดภายในงาน และกิจกรรมนำเสนอธุรกิจ (Pitching) สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ Startup
ขอยกตัวอย่างสินค้านวัตกรรมที่น่าสนใจและต่อยอดในเชิงการค้าได้จริง อาทิ หุ่นยนต์ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว โดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับโทรศัพท์ของญาติหรือสถานพยาบาล กระเป๋าเดินทางขนาดเล็กที่สามารถปั่นไฟไปด้วยระหว่างที่ถูกลากและมีที่ชาร์จโทรศัพท์หรือไอแพดได้ในตัว อุปกรณ์ช่วยเตือนขณะคนขับรถใกล้หลับ โดยเซ็นเซอร์วัดคลื่นสมอง อุปกรณ์ป้องกันเด็กติดในรถ โดยมีเซ็นเซอร์วัดการเคลื่อนไหวและสั่งให้ไซเรนดัง รวมทั้งลดกระจกรถ รวมทั้งส่ง GPS แจ้งตำแหน่งของรถด้วย
นอกจากนี้ยังมีโซน Maker สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่สนใจผลิต gadgets จากบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ประกวดหุ่นยนต์ซูโม่รุ่นเล็ก น้ำหนักไม่เกิน 200 กรัม / ประกวดการพัฒนาอุปกรณ์ Gadget เช่น เครื่องให้อาหารปลา โดยสั่งการจากมือถือ เครื่องปรับอุณหภูมิในบ้าน
นางนันทวัลย์กล่าวสรุปว่า "กรมเชื่อมั่นว่างาน IP FAIR 2016 ครั้งนี้จะสร้างโอกาส
แรงบันดาลใจ และช่องทางการตลาดให้แก่นักประดิษฐ์ ผู้สร้างสรรค์ เจ้าของผลงานทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่ประชาชนเพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่ ไทยแลนด์ 4.0 ต่อไป"