กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--Rippleeffect
นายปรีชาพล เวชรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายเครื่องจักรกลหนักแบรนด์ SDLG บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด (ITI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมกับ Shandong Lingong Construction Machinery เจ้าของแบรนด์เครื่องจักรกลหนัก SDLG จากสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดแข่งขัน SDLG Top Driver 2016 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักขับรถตักล้อยางและรถเกรดทั่วประเทศไทย ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท โดยจะเปิดแข่งขันช่วงเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน 2559 นี้
โครงการ SDLG Top Driver 2016 เป็น Global Campaign ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแบรนด์ SDLG ให้เป็นที่รู้จักและรุกตลาดในวงกว้าง พร้อมแสดงสมรรถนะ สร้างประสบการณ์ร่วมให้ผู้เกี่ยวข้องเกิดความรู้และเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ทั้งเป็นการร่วมพัฒนามาตรฐานขับขี่เครื่องจักรกลอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทฯ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในปีนี้นอกจากแข่งขันประเภทรถตักล้อยาง ยังเพิ่มประเภทรถเกรดเข้ามาด้วย
สำหรับรูปแบบแข่งขัน มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับทักษะขับขี่ ความปลอดภัย และบำรุงรักษาเชิงป้องกันเบื้องต้น ซึ่งจะจัดในพื้นที่ดำเนินงานของกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ ส่วนรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 โดยผู้ชนะเลิศทั้งประเภทรถตักล้อยางและรถเกรด รับเงินรางวัล 200,000 บาท พร้อมโล่ห์รางวัลและแพ็กเกจศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วน อันดับ 2 เงินรางวัล 50,000 บาท และ อันดับ 3 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่ห์รางวัล
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียด และสมัครเข้าร่วมแข่งขันได้ที่ surachai_t@italathaigroup.com หรือที่ Facebook อิตัลไทยอุตสาหกรรม
"SDLG Top Driver 2016 จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดสำคัญในปีนี้ ที่ช่วยสนับสนุนให้แบรนด์ SDLG เป็นที่รู้จักและยอมรับของลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น หลังจากสามารถนำ SDLG ขึ้นแท่นกลุ่มผู้นำตลาดรถตักล้อยางแบรนด์จีน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 25% สำเร็จภายในเวลา 4 ปี" ปรีชาพล กล่าว
มร.มาร์โค หม่า กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Shandong Lingong Construction Machinery กล่าวว่า ตลาดกลุ่มรถเครื่องจักรกลหนักในประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่ยืนยันว่าบริษัทให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทย คือการเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่นำ SDLG Top Driver มาจัดกิจกรรม ถือเป็นการตอกย้ำความร่วมมือที่เข้มแข็งและคาดหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนามาตรฐานขับขี่เครื่องจักรกลอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทยได้เช่นเดียวกับที่ทำสำเร็จมาแล้วในสาธารณรัฐประชาชนจีน