กลุ่มธนาคาร UFJ ญี่ปุ่นจับมือบีโอไอ ดึงนักลงทุนญี่ปุ่นมาไทย

ข่าวทั่วไป Thursday November 15, 2001 13:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--บีโอไอ
ธนาคารซันวาและโตไกของญี่ปุ่นร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับบีโอไอ จัดกิจกรรมดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นมาไทย เตรียมใช้เครือข่ายสาขาทั่วญี่ปุ่นหนุนกลุ่มลูกค้าทุกระดับ ตั้งเป้าดึงกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนเข้าลงทุนในไทยมากขึ้น
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ (14 พ.ย.44) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) เพื่อร่วมมือส่งเสริมการลงทุนของญี่ปุ่นในไทย ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและกลุ่มธนาคาร United Finencial of Japan (UFJ) ซึ่งประกอบด้วยธนาคารซันวา และธนาคารโตไกแห่งญี่ปุ่น
การลงนามความเข้าใจครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างบีโอไอกับกลุ่มธนาคาร UFJ ของญี่ปุ่น ได้แก่ ธนาคารซันวาและธนารโตไก ในการชักจูงนักลงทุนญี่ปุ่นจากทุกประเภทอุตสาหกคคมที่เป็นลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคารโตไก ให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
นายจักรมณฑ์กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลกำลังดำเนินการกระตุ้นและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยนักลงทุนญี่ปุ่นถือเป็นนักลงทุนกลุ่มสำคัญที่มาลงทุนในไทยมากที่สุดมาโดยตลอด ดังนั้น การที่กลุ่มธนาคาร UFJ ของญี่ปุ่น เสนอที่จะให้ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่ง อีกทั้ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีก็มีกำหนดการที่จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน 2544 และกล่าวสุนทรพจน์ในการสัมมนาเพื่อชักจูงการลงทุน จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ศกนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแก่นักลงทุนญี่ปุ่นมากขึ้น
สำหรับการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างบีโอไอกับธนาคารซันวาและธนาคารโตไกประกอบด้วย การจัดกิจกรรมพบปะผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ซัพพลายเออร์ของบริษัทโตโยต้า, การเดินสายสัมมนากับนักลงทุนญี่ปุ่นกลุ่มย่อยในเมืองหลักๆ เช่น โตเกียว โอซาก้า นาโงยา การตั้งศูนย์สนับสนุนและแนะนำลงทุนญี่ปุ่นที่จะมาลงทุนในไทย (Techno Center), และการเดินทางไปเยี่ยมบิษัทที่มีแนวโน้มจะลงทุนในประเทศไทย โดยมีผู้จัดการของธนาคารที่มีความรู้เรื่องการลงทุนในไทยเป็นอย่างดีเข้าร่วมชักชวนให้นักลงทุนญี่ปุ่นตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นอกจากนี้ กลุ่ม UFJ ยังมีแผนที่จะใช้ศูนย์สนับสนุนธุรกิจของสำนักงานเจโทรกรุงเทพฯ (JETRO Business Support Center) ซึ่งปัจจุบันเจโทรได้ร่วมมือกับบีโอไอในการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนญี่ปุ่นอยู่แล้ว เป็นศูนย์บริการเพื่อการลงทุนสำหรับนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย โดยจะจัดหาที่ทำการและที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้ด้วย
"ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้สามารถชักจูงการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นได้อย่างกว้างขวางและเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายได้มากขึ้น เพราะกลุ่มธนาคาร UFJ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 93.7 ล้านล้านเยน มีลูกค้าจำนวนมากที่เป็นผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารโตไก ขณะที่สาขาต่างๆ ของธนาคารซันวาก็จะเป็นช่องทางในการเข้าถึงผู้ประกอบการในแถบพื้นที่ที่บีโอไอไม่มีสำนักงานสาขา เช่น แถบคันไซ เป็นต้น" เลขาธิการบีโอไอกล่าว
ปัจจุบัน มีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นที่ดำเนินการในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 1,282 บริษัท เป็นบริษัทที่ประกอบการในภาคการผลิตถึง 858 บริษัท และภาคอื่นๆ 424 บริษัท โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าของกลุ่มธนาคาร UFJ ถึง 1,001 บริษัท
สำหรับการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นในไทยในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ในปี 2542 มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 189 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,800 ล้านบาท ในปี 2543 มีโครงการได้รับส่งเสริมการลงทุน 290 โครงการ มูลค่าการลงทุน 16,200 ล้านบาท และในปี 2544 ช่วงเดือนมกราคม-กันยายน มีโครงการได้รับส่งเสริมการลงทุน 173 โครงการ มูลค่าการลงทุน 8,600 ล้านบาท--จบ--
-นห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ