SMART มองครึ่งปีหลังตลาดอิฐมวลเบาเริ่มฟื้นตัว ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขยับลงทุนโครงการใหม่ การแข่งขันด้านราคาลดลง ส่อแววกำไรเพิ่ม ครึ่งปีหลังสัญญาณดีออร์เดอร์ใหม่เข้า

ข่าวอสังหา Monday August 8, 2016 10:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--Worklink PR SMART มองครึ่งปีหลังตลาดอิฐมวลเบาเริ่มฟื้นตัว ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขยับลงทุนโครงการใหม่ การแข่งขันด้านราคาลดลง ส่อแววกำไรเพิ่ม ครึ่งปีหลังสัญญาณดีออร์เดอร์ใหม่เข้า ด้านตลาด AEC รุกหนักกัมพูชา พร้อมเดินหน้าเจรจาตัวแทนใน ลาว พม่า เวียดนาม งบ Q2/59 รายได้รวม 75.149 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 12.32 ล้านบาท วางเป้าขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับฟื้นตัว จากการที่ภาครัฐเริ่มทยอยลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาเริ่มมีสัญญาณลดความรุนแรงลง และส่งผลให้ราคาจำหน่ายอิฐมวลเบาน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ผนวกกับราคาวัตถุดิบบางส่วนมีราคาสูงขึ้นตาม คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเดินหน้าเพิ่มออร์เดอร์จากงานโครงการทั้งเอกชนและภาครัฐ ซึ่งในช่วงต้นไตรมาส 3 บริษัทได้เข้าเสนองานพร้อมทั้งแนะนำผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆกับโครงการหลายแห่ง และเริ่มมีออร์เดอร์ใหม่บางส่วนเข้ามาแล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ SMART LINTEL คานทับหลังสำเร็จรูป และสมาร์ทมิติบล็อค ผลิตภัณฑ์ผนังตกแต่ง เริ่มมีคำสั่งซื้อจากโครงการในภาคตะวันออกและลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ส่วนตลาดในกลุ่มประเทศ AEC บริษัทได้รุกตลาดในประเทศกัมพูชามากขึ้น โดยมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมความต้องการใช้งานมากขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้งานในกัมพูชามีการขยายตัวค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีออเดอร์สินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดในประเทศลาว พม่า เวียดนาม บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าไปทำตลาดโดยให้ความรู้ด้านคุณภาพการใช้งานและคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ กับกลุ่มผู้ประกอบดารด้านก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 3-4 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/59 ปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 75.149 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 83.323 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 12.32 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมีผลขาดทุนสุทธิ 3.84 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวดครึ่งแรกปี 59 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 152.274 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 169.736 ล้านบาท สาเหตุที่ผลประกอบการลดลงมากจาก การชะลอตัวของโครงการภาครัฐและภาคเอกชน รวมไปถึงการลงทุนกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ เช่นในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่โฟกัสตลาดนี้ เข้ามาแข่งขันด้านราคา ทำให้ราคาจำหน่ายอิฐมวลเบามีการปรับตัวลดลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นมีการปรับตัวลดลงและเกิดเป็นขาดทุนสุทธิจำนวนดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ